HoonSmart.com>>อลหม่านตลาดหุ้นซื้อขายวันเดียว 2 แสนล้านบาท ต่างชาติทำเน็กเก็ตชอร์ต เต็มรูปแบบ ส่งมอบใบหุ้นไม่ได้ จำใจไล่เก็บหุ้นจนถึงวันนี้ ตลาดหลักทรัพย์ไม่ยอม จี้ซื้อหุ้นคืนมาส่งมอบ
รายงานข่าวจากโบรกเกอร์ เปิดเผยว่า การซื้อขายหลักทรัพย์วันที่ 28 พ.ค.2562ที่ผ่านมา ตลาดหลักทรัพย์ สร้างประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย ด้วยมูลค่าซื้อขาย 204,855.67 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทหลักทรัพย์มอร์แกน สแตนเลย์ โบรกเกอร์ต่างชาติ ที่ส่งคำสั่งซื้อขายผ่านโบรกเกอร์ไทยรายใหญ่หลายราย มีการขายหุ้นออกไป โดยไม่มีใบหุ้น หรือการทำเน็กเก็ตชอร์ต ( NAKED SHORT) ซึ่งตามกฎเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แล้ว ไม่อนุญาตให้ทำ ถือว่ามีความผิด
ก่อนหน้ามีโบรกเกอร์ถูกปรับจากการทำเน็กเก็ตชอร์ต ประกอบด้วย บล.เอเชียเวลท์ , บล.ดีบีเอส วิคเคอร์สฯ , บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย ),บล.ซีแอลเอสเอฯ
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า โบรกเกอร์ที่ต่างชาติซื้อขายมาก ช่วงวันที่ 28 พ.ค. ได้ขอเลื่อนส่งมอบใบหุ้นวันรุ่งขึ้นกับตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งตามเกณฑ์ตลาดจะต้องส่งมอบใบหุ้นวันรุ่งขึ้นก่อนเที่ยง หรือ 1+1 และชำระเงิน 1+2
” เรื่องมาแดงหนักขึ้น เมื่อกองทุนไทยแห่งหนึ่ง ที่ซื้อหุ้นในวันดังกล่าว ( 28 พ.ค.) ถึงขณะนี้หุ้นขึ้นมา แต่ยังขายไม่ได้ เพราะต่างชาติที่เป็นฝั่งขายหุ้น ไม่มีหุ้นส่งมอบ ว่ากันว่า มีจำนวนมากถึงหมื่นล้านบาท เรื่องนี้ไม่รู้ว่าตลาดหลักทรัพย์จะดำเนินการอย่างไรกับต่างชาติ ที่ทำเน็กเก็ตชอร์ต แม้ว่ามีกฎเกณฑ์ห้ามทำเน็กเก็ตชอร์ตออกมาแล้วก็ตาม” แหล่งข่าวกล่าว
สาเหตุหนึ่งที่ต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิต่อเนื่องหลังจากวันที่ 28 พ.ค.มา เป็นการทยอยซื้อหุ้นกลับ เพื่อส่งมอบ
แหล่งข่าวจากผู้บริหารโบรกเกอร์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นวันที่ 4 มิ.ย. ดัชนีเพิ่มขึ้นแรง 17 จุด หรือ 1.08% สวนทางตลาดหุ้นเอเชีย เกิดจากนักลงทุนต่างชาติ มียอดซื้อสุทธิ 5,826 ล้านบาท เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ จะต้องรีบซื้อหุ้นกลับ เพื่อส่งมอบ หลังจากขายออกไป โดยไม่มีใบหุ้นเมื่อวันที่ 28 พ.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการทำผิดเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์
สาเหตุที่ขายหุ้นโดยไม่มีใบหุ้นส่งมอบ (เน็กเก็ตชอร์ต) ส่วนหนึ่งอาจจะเกิดจากยืมหุ้นไม่ได้ตามสัญญา หรือ ขายหุ้นออกไปมากกว่าจำนวนที่กำหนดไว้ ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ก็ทราบเรื่องและสั่งให้แก้ไขปัญหานี้โดยเร็ว
ทั้งนี้ วันที่ 28 พ.ค. 2562 ตลาดหุ้นไทยสร้างประวัติศาสตร์ มูลค่าการซื้อขายสูงกว่า 2.04 แสนล้านบาท โดยนักลงทุนต่างชาติมียอดซื้อสุทธิ 12,534 ล้านบาท จากการซื้อมูลค่า 168,421 ล้านบาท สัดส่วน 82.21% และขายจำนวน 155,886 ล้านบาท สัดส่วน 76.10% หลังจากนั้นมีการซื้อสุทธิอย่างต่อเนื่องวันละ 1-2 พันล้านบาท
วันที่ 4 มิ.ย.ตลาดหุ้นเอเชียส่วนใหญ่ปรับตัวลง ส่วนหุ้นไทยกลับพุ่งขึ้นแรงกว่า 17 จุด ต่างชาติซื้อสุทธิถึง 5,826 ล้านบาท โดยซื้อมูลค่า 33,149 ล้านบาท สัดส่วน 50.83% ขายจำนวน 27,323 ล้านบาท สัดส่วน 41.90%