KTAM ปันผล 4 กองอสังหาฯ-อินฟราฟันด์กว่า 1.2 พันล.

HoonSmart.com>> บลจ.กรุงไทย จ่ายเงินปันผล 4 กองทุนอสังหาริมทรัพย์-โครงสร้างพื้นฐาน มูลค่ากว่า 1,200 ล้าน พร้อมเปิดขายตราสารหนี้ตปท.ชูยิลด์ 1 ปี 2% ส่วน 6 เดือน จ่าย 1.80% ต่อปี

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) หรือ KTAM เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหน่วยลงทุนกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน จำนวน 4 กองทุน สำหรับรอบระยะเวลาบัญชี วันที่ 1 ม.ค.- 31 มี.ค.2562 ในวันที่ 14 มิ.ย.2562 นี้

สำหรับกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทย (TFFIF) โดยบริษัทเป็นผู้จัดการกองทุนร่วมกับบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ที่ประชุมคณะกรรมการจัดการลงทุน มีมติจ่ายเงินปันผล และลดทุนจดทะเบียนครั้งที่ 2 โดยจ่ายเงินปันผล ในอัตรา 0.1025 บาทต่อหน่วย และลดทุนจดทะเบียน จากสภาพคล่องส่วนเกินที่เกิดจากการตัดจำหน่ายค่าใช้จ่ายในการออกและเสนอขายหน่วยลงทุน ซี่งเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่ใช่เงินสด โดยลดเงินทุนจดทะเบียนในอัตรา 0.0158 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินจ่ายปันผลและลดทุนทั้งสิ้นในอัตรา 0.1183 บาทต่อหน่วย ด้วยการลดมูลค่าที่ตราไว้ จากหน่วยละ 9.9911 บาท ลดลงเหลือหน่วยละ 9.9753 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินกว่า 468 ล้านบาท

ทั้งนี้ กองทุนลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐาน ในสิทธิที่จะได้รับร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิที่จัดเก็บได้จากเส้นทางในปัจจุบันของทางพิเศษฉลองรัฐ และบูรพาวิถี ตามสัญญาโอน และรับโอนสิทธิในรายได้ (RTA) เป็นระยะเวลา 30 ปี

กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน โรงไฟฟ้าพระนครเหนือ ชุดที่ 1 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (EGATIF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 14 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย คิดเป็นเงินกว่า 417 ล้านบาท กองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ตลาดไท (TTLPF) จ่ายเงินปันผลครั้งที่ 34 ในอัตรา 0.4220 บาทต่อหน่วย รวมเป็นเงินประมาณ 76 ล้านบาท และกองทุนรวมสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ ซี .พี ทาวเวอร์ โกรท (CPTGF) จ่ายเงินปันผล ครั้งที่ 21 ในอัตรา 0.2180 บาทต่อหน่วย เป็นเงินกว่า 210 ล้านบาท ทั้งนี้ การจ่ายเงินปันผลทั้ง 4 กองทุน รวมเป็นเงินทั้งสิ้นกว่า 1,200 ล้านบาท

นอกจากนี้ บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่ายกองทุนตราสารหนี้ต่างประเทศ 2 กองทุนให้นักลงทุนได้เลือกตามความเหมาะสม ได้แก่ กองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 241 (KTFF241) อายุโครงการ 12 เดือน และกองทุนเปิดกรุงไทยตราสารหนี้ เอฟไอเอฟ 245 (KTFF245) อายุโครงการ 6 เดือน ตั้งแต่วันนี้ ถึงวันที่ 18 มิถุนายน 2562 เงินลงทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท เน้นลงทุนตราสารหนี้ต่างประเทศไม่น้อยกว่าร้อยละ 80

กองทุน KTFF 241 และกองทุน KTFF 245 ลงทุนในเงินฝากประจำ Agricultural Bank China , Bank of China , China Construction Bank Asia , Qatar National Bank , AL Khalimj Commercial Bank , AL Ahli Bank และ Commercial Bank PQSC ผลตอบแทนของกองทุน KTFF 241 อยู่ที่ประมาณ 2.00% ต่อปี ส่วนกองทุน KTFF 245 อยู่ที่ 1.80%

สำหรับอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศ อายุคงเหลือต่ำกว่า 6 เดือน ปรับตัวเพิ่มขึ้นตามแรงขายทำกำไรของนักลงทุน ในขณะที่อายุคงเหลือตั้งแต่ 6 เดือน ขึ้นไป อัตราผลตอบแทนมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อ โดยเฉพาะจากนักลงทุนต่างชาติตามกระแส การหันมาลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำ (Risk off) จากความกังวลเรื่องสงครามการค้า การชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ที่ทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีแนวโน้มที่อาจจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง

ส่วนอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ มีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุ เนื่องจากความกังวลเรื่องสงครามการค้า และตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในเดือนพฤษภาคม อยู่ที่ 75,000 ตำแหน่งต่ำกว่าที่คาดไว้ที่ 175,000 ตำแหน่ง และอัตราการจ้างงานรายชั่งโมงที่ชะลอตัว โดยอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 10 bps. มาอยู่ที่ 1.85% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 8 bps. อยู่ที่ 1.85% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps มาอยู่ที่ 2.09% ต่อปี

ทั้งนี้ กองทุน KTFF 245 และกองทุน KTFF 241 จึงเหมาะสำหรับนักลงทุนที่ต้องการกระจายความเสี่ยง ในช่วงที่ภาวะเศรษฐกิจโลกมีความผันผวน จากปัจจัยต่างๆ และต้องการโอกาสรับผลตอบแทนตามที่กำหนดไว้