มหาเศรษฐีไทยรวยขึ้นทุกปี 9.9% คาด 351 คน มีทรัพย์สิน 12 ล้านลบ.ในปี 63

HoonSmart.com>>แบงก์ไทยพาณิชย์ จับมือ “จูเลียส แบร์” สำรวจกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงของไทย 351 คน คาด 5 ปี ( 2558-2563 ) สินทรัพย์เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 9.9% ต่อปี รวมทั้งสิ้นกว่า 401,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เน้นการลงทุนในประเทศ ลงตราสารหนี้-พันธบัตร 20.4% หุ้น 19.5% กองทุนรวม 15.3% นิยมถือเงินสดเป็นส่วนใหญ่ 21.5% ส่วนการออกไปลงทุนต่างประเทศยังไม่คุ้นเคย

 

ธนาคารไทยพาณิชย์และจูเลียส แบร์ ร่วมจัดทํารายงานความมั่งคั่งของประเทศไทย ปี 2562 ในโอกาสเปิดตัวบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จูเลียส แบร์ จากการสำรวจกลุ่มลูกค้าที่มีความมั่งคั่งระดับสูงจำนวน 351 คน ประเมินว่าในช่วง  5 ปี ( 2558 – 2563) สินทรัพย์จะเพิ่มขึ้น 9.9% ต่อปี ทําให้มีมูลค่าโดยรวมกว่า 401,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 12.83 ล้านล้านบาท

ขณะที่ผู้มีความมั่งคั่งรายใหญ่ในเอเชีย จะเติบโตจนมีมูลค่ารวมถึง 14.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 ซึ่งเป็นการเติบโตถึง 160% ในช่วง 10 ปี

ปัจจัยที่สนับสนุนการเติบโต มาจากการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของความมั่งคั่งครัวเรือน เศรษฐกิจที่ดี รวมถึงราคาของอสังหาริมทรัพย์และหุ้นที่ปรับตัวขึ้นด้วย

กลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงชาวไทยนิยมลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง เช่น หุ้น พันธบัตร และกองทุน มากกว่ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงในฮ่องกง, สิงคโปร์ และประเทศอื่นๆทั่วโลก

“คนรวยมากของไทยยังนิยมการถือครองเงินสดเป็นส่วนใหญ่  21.5% , ตามด้วยการลงทุนในประเทศเป็นส่วนใหญ่ แบ่งเป็นตราสารหนี้หรือพันธบัตร 20.4% , การลงทุนในหุ้น 19.5% และการลงทุนกองทุนรวม 15.3% โดยรวมแล้วนิยมลงทุนในสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องสูงถึง  55% ในขณะที่ผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงทั่วโลกถือครองสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่อง 47% ส่วนที่ฮ่องกองและสิงคโปร์ลงทุนเพียง 42%”

ส่วนการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์มีน้อย คิดเป็น 7% ของพอร์ต ขณะที่ทั่วโลกลงทุนถึง 17% การลงทุนทางเลือกก็ต่ำเช่นกัน เพียง 6% ขณะที่มีความมั่งคั่งระดับสูงทั่วโลกถือครองสินทรัพย์ทางเลือกอยู่ที่ 9%

สำหรับการลงทุนในต่างประเทศ 40% ของกลุ่มสํารวจมีการลงทุน อย่างน้อยหนึ่งผลิตภัณฑ์ โดยเฉพาะหุ้นและตราสารหนี้มากที่สุด 80% ตามมาด้วยกองทุน 75% และการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรง 51% ขณะที่มีผู้ที่ไม่เคยลงทุนในต่างประเทศสูง 73% สามารถบ่งชี้ว่ายัง ไม่คุ้นเคยกับการลงทุนในต่างประเทศ โดย 65% ของบุคคลเหล่านี้ บอกว่าไม่เข้าใจถึงวิธีการที่จะเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศ

ลูกค้าชาวไทย 52% ลงทุนในต่างประเทศครั้งแรก เพราะให้โอกาสที่ไม่สามารถหาได้จากในประเทศ แต่หลังจากนั้นกว่าครึ่งหนึ่งของคนกลุ่มนี้จะเบนความสนใจไปยังเรื่องของโอกาสการสร้างผลตอบแทนตามที่คาดหวังเป็นหลัก สำหรับประเทศที่เอ่ยถึงเป็นลำดับต้นๆ คือสิงคโปร์ ตามด้วยสหรัฐอเมริกา และฮ่องกง

ขณะที่ลูกค้าผู้มีความมั่งคั่งระดับสูงทั่วโลกมอง การลงทุนในต่างประเทศมีความน่าสนใจเพราะสามารถไปลงทุนในประเทศที่มีความมั่นคงทางการเมือง, มีกฎหมายด้านกรรมสิทธิในทรัพย์สินที่ดี และมีการบริการทางการเงินที่มีคุณภาพ และน่าไว้วางใจ

สำหรับเป้าหมายของกลุ่มลูกค้าไทยมุ่งที่จะเพิ่มพูนและสร้างความมั่งคั่งให้มากขึ้น สัดส่วน 56% มากกว่าเพียงแค่คงรักษาความมั่งคั่งที่ 41% ทัศนคติเช่นนี้มีความเด่นชัดมากถึง 71%ในกลุ่มลูกค้าอายุต่ำกว่า 40 ปี

ลูกค้าที่อยากลงทุนส่วนใหญ่มักปรึกษาคนในครอบครัวหรือเพื่อน 43% ตามด้วยการปรึกษาที่ปรึกษาการลงทุน เช่น Private Banker 27% และมีลูกค้า 13% ที่ค้นหาคําแนะนําและข้อมูลเกี่ยวกับการลงทุนทางออนไลน์

แนวโน้มตลาดหุ้นไทยยังคงสดใส คาดว่าไตรมาส 3 ดัชนีจะสามารถแตะระดับ 1,800 จุด ที่ผ่านมาค่าเงินบาทแข็งมาก แนวโน้มจะแข็งอีกเล็กน้อย คาดว่าปีนี้เคลื่อนไหวระดับ 31 – 32 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งกว่าค่าเฉลี่ยของปีที่ผ่านมาอยู่ที่ 32.3 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ