บลจ.กสิกรแนะลดพอร์ตหุ้นกลุ่มไอทีสหรัฐฯ ศก.ชะลอ-เทรดวอร์ยืดเยื้อ

HoonSmart.com>> บลจ.กสิกรไทย แนะลดน้ำหนักลงทุนกองทุนเคหุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A เน้นหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีสหรัฐฯ เหตุเศรษฐกิจสหรัฐฯ เสี่ยงชะลอตัว สงครามการค้ายืดเยื้อกระทบความเชื่อมั่นนักลงทุน แนะประเมินสถานการณ์ก่อนลงทุน ชี้ที่ผ่านมาหุ้นไอทียังเติบโต พร้อมจ่ายปันผลผู้ถือหน่วยกองทุน K-USXNDQ-A(D)

นายนาวิน อินทรสมบัติ รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุนต่างประเทศ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาสที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ส่วนใหญ่มีกำไรดีกว่าค่าเฉลี่ย นำโดยหุ้นกลุ่มไอที ซึ่งมีการเติบโตสูงกว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในภาพรวม อีกทั้งยังเป็นหุ้นส่วนใหญ่ที่ประกอบอยู่ในดัชนี Nasdaq

อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ มีความเสี่ยงที่จะชะลอตัวเพิ่มขึ้น โดยมีตัวเลขการนำเข้าที่อ่อนแอสะท้อนการบริโภคของประชาชนที่ซบเซา เช่นเดียวกับภาคการผลิตที่หดตัวสู่ระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 9 ปีครึ่ง เป็นปัจจัยสนับสนุนให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงมีแนวโน้มผ่อนคลายทางการเงินและส่งสัญญาณปรับลดดอกเบี้ย ซึ่งอาจมีการปรับดอกเบี้ยลงถึง 2 ครั้งในปีนี้ ทั้งนี้ ประเด็นสงครามการค้ากับจีนที่กลับมาตึงเครียดและมีแนวโน้มที่จะยืดเยื้อ ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุน ซึ่งอาจกระทบต่อผลกำไรบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ได้

นายนาวิน กล่าวว่า บลจ.กสิกรไทย เตรียมจ่ายเงินปันผลกองทุนเปิดเค หุ้นยูเอส ดัชนีเอ็นดีคิว 100-A ชนิดจ่ายเงินปันผล (K-USXNDQ-A(D)) สำหรับรอบผลการดำเนินงานตั้งแต่ 1 มี.ค.2562 ถึง 31 พ.ค.2562 ในอัตรา 0.20 บาทต่อหน่วย โดยมีกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 14 มิ.ย.2562 รวมมูลค่า 23.90 ล้านบาท

ทั้งนี้ นับตั้งแต่จัดตั้งกองทุนเมื่อปี 2556 กองทุน K-USXNDQ-A(D) จ่ายปันผลมาอย่างต่อเนื่องทุกปี รวม 23 ครั้ง เป็นเงิน 7.55 บาทต่อหน่วย โดยในรอบผลการดำเนินงาน 1 ปีที่ผ่านมากองทุนมีอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผล (Dividend Yield) เฉลี่ยอยู่ที่ 6.19% ต่อปี ขณะที่ผลการดำเนินงานย้อนหลัง 6 เดือน 1 ปี และ 3 ปี อยู่ที่ 1.40%, 0.98% ต่อปี และ 14.84% ต่อปี เมื่อเทียบกับเกณฑ์มาตรฐานซึ่งอยู่ที่ 1.24%, 1.33% ต่อปี และ 14.91% ต่อปี ตามลำดับ (ข้อมูล ณ วันที่ 31 พ.ค. 62) โดยกองทุนหลักบริหารโดยใช้นโยบายเชิงรับ เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีสหรัฐฯ Nasdaq-100 ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิง

“นักลงทุนที่สนใจลงทุน แนะนำให้ใช้ความระมัดระวังในการเข้าลงทุน โดยประเมินสถานการณ์ก่อนตัดสินใจ ส่วนผู้ลงทุนที่เคยลงทุนไว้แล้ว แนะนำให้ปรับลดสัดส่วนการลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ต”นายนาวิน กล่าว