ACG ชูความแข็งแรงงบการเงิน รับมือการแข่งขันยั่งยืน

HoonSmat.com>>”ออโต คอร์ป” ชูความแข็งแรงงบการเงินตลอด 25 ปี รับมือแข่งขันสบาย ระดมทุนขยายสาขาปีละ 2 แห่ง ครอบคลุมเมืองหลักแต่ละภาค

นายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท ออโตคอร์ป โฮลดิ้ง ( ACG ) เปิดเผยว่า บริษัท มีความแข็งแกร่งการจัดทำงบการเงินตลอด 25 ปีที่ผ่านมา หรือตั้งแต่เริ่มดำเนินธุรกิจ โดยใช้ผู้สอบบัญชีระดับบิ๊กโฟร์ของโลก แม้ว่ามีต้นทุนที่สูง เมื่อเทียบกับธุรกิจเล็ก ๆ ในจังหวัดสุรินทร์ ที่มียอดขายปีละ 180 ล้านบาท ช่วงแรก ๆ ซึ่งมองว่า การทำบัญชีเดียว และมีผู้สอบบัญชีที่มีความน่าเชื่อถือ ส่งผลดีให้บริษัทมีรายงานการเงินที่ดี สร้างความแข็งแรงของงบการเงินที่ถูกต้อง วิเคราะห์ธุรกิจ ต้นทุนการเงิน เพื่อการแข่งขันได้

ภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์

ยอมรับว่าธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์ มีการแข่งขันสูง การเข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ACG ต้องแข่งขันที่ความยั่งยืนของธุรกิจ , บริหารจัดการเงินทุน และการให้บริการ

” การทำบัญชีที่ถูกต้อง มีผู้สอบบัญชีมีความน่าเชื่อถือ ใช้บิ๊กโฟร์ตั้งแต่เริ่มทำธุรกิจใน 2 ปีแรก ตอนนั้นไม่ได้คิดเข้าตลาด ทำบัญชีเดียว บริษัทเล็ก ๆ ห้องแถว ใช้สมุห์บัญชี ทำให้ธุรกิจรู้ฐานะการเงิน ต้นทุน  ซึ่งสิ่งที่เลวร้ายที่สุดของธุรกิจคือ ขาดทุนแล้วคิดว่ากำไร เป็นสิ่งที่น่ากลัว” นายภานุมาศ ให้ความเห็น

สำหรับจุดเด่นของ ACG และเป็นจุดแข่งขัน คือ การส่งมอบรถยนต์ภายในเวลากำหนด และสิ่งอำนวยความสะดวกที่ลูกค้าเข้ามารับบริการได้รับ สร้างความประทับใจ แต่ละเดือนมีลูกค้าเข้ามาที่โชว์รูม ประมาณ 6 พันคน กว่า 90 % ของลูกค้าเป็นการซื้อเงินผ่อน

โครงสร้างรายได้หลัก 87 % มาจากการขายรถยนต์ฮอนด้าและอะไหล่ อีก 10 % เป็นรายได้ค่าซ่อมบำรุง ที่เหลือเป็นค่านายหน้าจากการขายประกันและสินเชื่อ

ผลประกอบการไตรมาส 1/2562 มีรายได้รวม 800 ล้านบาท คาดทั้งปีรายได้ 3,200 ล้านบาท เติบโตจากปี 2561 ที่มียอดขายรวม 2,300 ล้านบาท กำไรสุทธิ 27.41 ล้านบาท  และปี 2560 กำไรสุทธิ 21.33 ล้านบาท

ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า แผนการเติบโตจากการขยาย 3 ปี ( 2562-2565 ) มีเพิ่มอีก 7 สาขา โดยใช้เงินจากการระดมทุนที่ได้ 224 ล้านบาท และเงินทุนหมุนเวียน หลังเพิ่มทุน อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน จะลดลงจาก 2.05 เท่า ซึ่งแต่ละสาขา มีต้นทุนประมาณ 15-20 ล้านบาท ปัจจุบัน ACG มีสาขามากที่สุด  9 สาขา ประกอบด้วยจังหวัดขอนแก่น 2 สาขา , สุรินทร์ 2 สาขา ภูเก็ต 2 สาขา บุรีรัมย์ 2 สาขา และกระบี่ 1 สาขา ส่วนการเลือกสาขาเปิดใหม่ จะพิจารณาจากพื้นที่หรือจังหวัด ที่เห็นช่องว่างการได้เปรียบ เบื้องต้นปีนี้เลือกเมืองหลักทางภาคเหนือและภาคตะวันออก

ทั้งนี้ ACG เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนแก่นักลงทุนทั่วไป ครั้งแรก ( IPO )  ราคาหุ้นละ 1.44 บาท  จำนวน 156 ล้านหุ้น หรือคิดเป็น 26% ของทุนชำระแล้วหลัง IPO จำนวน 300 ล้านบาท หรือ 600 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท  หลังการเพิ่มทุนกลุ่มครอบครัวนายภานุมาศ รังคกูลนุวัฒน์ ถือหุ้นสัดส่วน 74 % และนักลงทุนทั่วไป 26 %