ฟิทช์ เพิ่มเครดิต IRPC เป็น ‘A’ เห็นบทบาทต่อปตท.มากขึ้น

HoonSmart.com>>ฟิทช์ ปรับเพิ่มอันดับเครดิต IRPC เป็น ‘A’ จากเดิม A –  หลังจากเห็นความสัมพันธ์ด้านกลยุทธ์มากขึ้นกับบริษัทปตท. ได้ขยายเทอมชำระเงินซื้อน้ำมันดิบ ใช้ขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลาย

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) จำกัด ประกาศปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศ ระยะยาว และอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวสำหรับหุ้นกู้ไม่มีหลักประกันและไม่ด้อยสิทธิ ของบริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เป็น ‘A(tha)’ จาก ‘A-(tha)’ แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ ในขณะเดียวกัน ฟิทช์ปรับเพิ่มอันดับเครดิตภายในประเทศระยะสั้นเป็น ‘F1(tha)’ จาก ‘F2(tha)’

การปรับเพิ่มอันดับเครดิตสะท้อนถึงการทบทวนความสัมพันธ์ด้านกลยุทธ์ของธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นต่อบริษัทแม่ หรือ บริษัทปตท. (PTT) (มีอันดับเครดิตที่ AAA(tha) แนวโน้มเครดิตมีเสถียรภาพ) หลังจากที่มีการปรับโครงสร้างธุรกิจในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา โดยฟิทช์มองว่าธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น ซึ่ง IRPC เป็นหนึ่งในผู้ดำเนินการหลักของกลุ่ม มีความสำคัญด้านกลยุทธ์ต่อกลุ่ม ปตท. มากกว่าที่ฟิทช์มองไว้ก่อนหน้านี้ โดยสัดส่วนรายได้จากธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น คิดเป็น 31% ของรายได้รวมของกลุ่ม ปตท. และกำไรจากการดำเนินงานก่อนดอกเบี้ยจ่าย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย (EBITDA) ของธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่น มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่สองของกลุ่มในปี 2561 โดยคิดเป็น 28% รองจากธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม ที่มีสัดส่วน 36%

IRPC มีความสำคัญด้านกลยุทธ์อย่างมากต่อธุรกิจปิโตรเคมีและโรงกลั่นของกลุ่ม ปตท. เนื่องจากเป็นหนึ่งในผู้ดำเนินธุรกิจปิโตรเคมีหลักของ ปตท. ที่มุ่งเน้นทางด้านผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีขั้นปลาย และใช้แนฟทาเป็นวัตถุดิบหลัก อีกทั้ง ปตท. มีแนวโน้มที่จะใช้บริษัทฯ เป็นหลักในการขยายธุรกิจปิโตรเคมีขั้นปลายประเภท Specialty

นอกจากนี้ ปตท. ได้ขยายเทอมการชำระเงินสำหรับการซื้อน้ำมันดิบให้กับ IRPC ที่ 60 วัน ออกไปจนถึงสิ้นปี 2562 ก่อนจะกลับสู่เทอมปกติที่ 30 วัน เพื่อช่วยรักษากระแสเงินสดและลดความต้องการใช้เงินกู้ในช่วงที่มีการลงทุนสูง  ดังนั้นฟิทช์ได้เปลี่ยนแปลงการเพิ่มอันดับเครดิตขึ้นจากสถานะเครดิตโดยลำพังของ IRPC ซึ่งอยู่ที่ ‘bbb+(tha)’ เป็นสองอันดับจากหนึ่งอันดับ สถานะทางเครดิตโดยลำพังของ IRPC สะท้อนถึงสถานะทางธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นหลังจากโครงการเพิ่มประสิทธิภาพและขยายกำลังการผลิตต่างๆแล้วเสร็จ

อย่างไรก็ตาม ฟิทช์คาดว่าอัตราส่วนหนี้สินของ IRPC จะเพิ่มขึ้นสูงกว่าระดับที่ฟิทช์คิดว่าเป็นปัจจัยลบต่ออันดับเครดิตชั่วคราวในปี 2565 เนื่องจากการลงทุนที่สูง ก่อนที่จะลดลงมาอยู่ในระดับที่สอดคล้องกับอันดับเครดิตของบริษัทฯ

ทั้งนี้ฟิทช์คาดว่าค่าใช้จ่ายในการลงทุนของ IRPC จะเพิ่มขึ้นเป็น 6.8 หมื่นล้านบาทในปี 2562-2565 จากที่เคยคาดการณ์ก่อนหน้านี้ที่ 4.6 หมื่นล้านบาท เนื่องจากบริษัท มีแผนที่จะลงทุนในโครงการปรับปรุงการผลิตเพื่อที่จะรองรับมาตรฐานน้ำมัน EURO 5 อีกทั้งฟิทช์คาดว่า บริษัทฯ จะลงทุนในโครงการผลิตพาราไซลีน (PX) จึงอัตราส่วนหนี้สินสุทธิที่ปรับปรุงแล้วต่อกระแสเงินสดที่ได้จากการดำเนินงานก่อนการเปลี่ยนแปลงของสินทรัพย์และหนี้สินจากการดำเนินงาน (FFO ) จะเพิ่มขึ้นไปที่ 4.5 เท่า – 5.5 เท่าในปี 2564-2565 (2561: 3.0 เท่า) ก่อนที่จะลดลงตั้งแต่ปี 2566 ลงมาต่ำกว่า 4.5 เท่า หลังจากการลงทุนลดลง

อย่างไรก็ตามสถานะทางธุรกิจของ IRPC อยู่ในระดับปานกลางเมื่อเทียบกับบริษัทในธุรกิจการกลั่นน้ำมันและปิโตรเคมีในประเทศไทยที่ฟิทช์จัดอันดับเครดิต ในขณะที่ IRPC มีอัตราส่วนหนี้สินที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับคู่แข่งดังกล่าว IRPC มีขนาดธุรกิจที่เล็กกว่าและมีอัตราส่วนหนี้สินที่สูงกว่าบริษัท พีทีทีโกลบอลเคมิคอล (PTTGC) และบริษัทไทยออยล์ (TOP)