ASP คาดปรับฐานต่อ หลบภัยหุ้นปันผล LH-KKP

HoonSmart.com>>เอเซียพลัสคาดตลาดพักฐานเล็กๆ เหนือ 1,700 จุด  รอดูทิศทางเฟดเรื่องดอกเบี้ย  สัปดาห์ก่อนให้ขายพลังงาน PTT-PTTEP ราคาน้ำมันเริ่มย่อลง  ส่วนบล.กสิกรไทยให้แนวรับ 1,715 และ 1,700 จุด

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส (ASP) คาดแนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์ที่จะถึงนี้ (8-12 ก.ค.2562) เชื่อว่าการปรับฐานจะเกิดขึ้นต่อเนื่อง แต่ไม่น่าจะรุนแรง ดัชนีควรจะยืนอยู่เหนือ 1,700 จุดได้ จึงยังคงน้ำหนักลงทุนในพอร์ตหุ้นไทย 40%

ประเด็นต่างประเทศให้ความสำคัญกับเรื่อง ทิศทางดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งในวันที่ 10 – 11 ก.ค. จะมีการเปิดเผยรายงานการประชุมเฟด และการแถลงของประธานต่อสภาฯ โดยตลาดคาดหมายว่า เฟดจะลดดอกเบี้ยราว 2 ครั้งในปี 2562

ส่วนปัจจัยในประเทศน่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องรัฐบาลใหม่ และค่าเงินบาท ซึ่งฝ่ายวิจัยเห็นว่าแม้จะมีโอกาสเห็นเงินทุนไหลเข้ามาสู่ตลาดการเงินของไทย แต่ด้วยกลไกธรรมชาติ Valuation และผลตอบแทน จะเป็นตัวสร้างสมดุลให้กับอัตราแลกเปลี่ยน อีกทั้งยังมีมาตรการที่ธนาคารแห่งประเทศไทยสามารถดำเนินการได้ เพื่อสร้างเสถียรภาพให้เงินบาท จึงเชื่อว่าค่าเงินบาทน่าจะยืนอยู่เหนือ 30 บาท/ดอลลาร์ได้ ส่วนเงินที่ไหลเข้าตลาดหุ้น ยังมีอยู่ แต่ปริมาณค่อยๆลดลง สลับการขายทำกำไรเป็นช่วงๆ

“สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ปรับพอร์ตลดน้ำหนักกลุ่มพลังงาน ขายทำกำไรหุ้น PTT และ PTTEP ออกไป แทนที่ด้วยหุ้นปันผลสูง และสามารถจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลได้ต่อเนื่อง เพราะราคาน้ำมันเริ่มย่อลง ขณะที่ตลาดมีค่าพี/อีสูง จึงน่าจะเห็นการเคลื่อนย้ายเม็ดเงินเข้าสู่หุ้นที่ปลอดภัย หุ้นเด่นสัปดาห์นี้เลือก LH มูลค่าเหมาะสม 13.60 บาท และ KKP มูลค่า 75.60 บาท”ฝ่ายวิจัยระบุ

สำหรับหุ้น LH คาดว่าจะได้รับแรงหนุน จาก 2 เรื่องหลักคือ ทิศทางดอกเบี้ยที่คาดว่าจะปรับลดลง และการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาล  ราคาหุ้นในปัจจุบันให้อัตราผลตอบแทนปันผลราว 6.7% ต่อปี  ขณะที่ผลประกอบการมีความผันผวนต่ำ ข่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ ส่วน KKP ถือเป็นหุ้นธนาคารพาณิชย์ที่มีจุดเด่นเรื่องการจ่ายเงินปันผล ราคาปัจจุบันให้ อัตราผลตอบแทน 6.3% ต่อปี ขณะที่ผลประกอบการงวดไตรมาส 2 น่าจะเติบโต 12.7% จากไตรมาส 1 สวนทางกลุ่มอุตสาหกรรม

สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นสงครามทางการค้าผ่อนคลาย ส่งผลให้ตลาดหุ้นโลกเพิ่มขึ้น 2.25% โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยี ขณะที่ตลาดหุ้นไทยถูกดดันจากปัจจัยเฉพาะตัว โดยเฉพาะการขายทำกำไรของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า กดดันภาพรวมตลาดฯลดลง 0.42%

ทางด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองว่า ดัชนีหุ้นมีแนวรับที่ 1,715 และ 1,700 จุด ขณะที่แนวต้านอยู่ที่ 1,745 และ 1,765 จุด ตามลำดับ โดยปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม ได้แก่ สถานการณ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และประเทศคู่ค้า รวมถึงทิศทางดอกเบี้ยของสหรัฐฯ จากถ้อยแถลงของประธานเฟดและเจ้าหน้าที่เฟดระดับสูง ส่วนแนวโน้มเงินบาท ธนาคารกสิกรไทยประเมินกรอบการเคลื่อนไหวที่ 30.50-30.80 บาทต่อดอลลาร์ฯ จากต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา แตะระดับแข็งค่าสุดในรอบ 6 ปี ที่ 30.52 บาทต่อดอลลาร์ฯ ก่อนอ่อนค่าเล็กน้อย