ดาวโจนส์ปิดพุ่ง 227 จุด ประธานเฟดย้ำสัญญาณลดดอกเบี้ย

HoonSmart.com>>ดาวโจนส์ปิดทะลุ 27,000  จุด จากการคาดการณ์ที่มากขึ้นว่าเฟดจะปรับลดดอกเบี้ยปลายเดือนนี้  ประธานเฟดย้ำสัญญาณจากความไม่แน่นอนการค้า-เศรษฐกิจโลก ส่วนราคาน้ำมันลดลง 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์  ปิดตลาดวันที่ 11 กรกฎาคม 2562 ที่ 27,088.08 จุด เพิ่มขึ้น 227.88 จุด หรือ 0.85% จากความคาดการณ์ที่สูงมากขึ้นว่าธนาคารกลาง (เฟด) จะปรับลดดอกเบี้ยในการประชุมปลายเดือน ก.ค.นี้ หลังการแถลงของนายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟดต่อคณะกรรมาธิการสภาคองเกรสต่อเนื่อง จากการแถลงต่อคณะกรรมาธิการการเงินของสภาผู้แทนราษฎรเมื่อวันที่ 10 ก.ค. วันที่สอง

นายพาวเวลล์แถลงว่า ความไม่แน่นอนจากความตึงเครียดทางการค้า แนวโน้มเศรษฐกิจโลก รวมทั้งเงินเฟ้อที่อยู่ในระดับต่ำ เป็นปัจจัยที่ทำให้พิจารณาการผ่อนคลายนโยบายการเงิน และในระหว่างการตอบคำถามก็ได้ตอกย้ำแถลงการณ์ในวันก่อน และขณะเดียวกันก็ยังชี้ให้เห็นว่าการชิงลดอัตราดอกเบี้ยไว้ก่อน อาจเป็นสิ่งจำเป็น แม้เศรษฐกิจและการจ้างงานยังแข็งแกร่ง

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,999.91 จุด เพิ่มขึ้น 6.84 จุด,+0.23%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,196.04 จุด ลดลง 6.49 จุด,+0.08%

กระทรวงแรงงานเผยดัชนีราคาผู้บริโภคทั่วไป (CPI) เดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% จากเดือนพฤษภาคมที่เพิ่มขึ้น 0.1% เช่นกัน แต่เพิ่มขึ้น 1.6% จากระยะเดียวกันของปีก่อน ส่วนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานไม่รวมอาหารและพลังงาน หรือ Core CPI เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นมากที่สุดในรอบ ปีครึ่ง  การยื่นขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในสัปดาห์ก่อนมีจำนวน 209,000 รายลดลง 13,000 ราย

กระทรวงการคลังเผย รัฐบาลขาดดุลงบประมาณมากขึ้น 23%ในรอบ เดือน โดยขาดดุล 747.1 พันล้านดอลลาร์ จากรายจ่ายเพิ่มขึ้นเป็น 3.36 ล้านล้านดอลลาร์หรือ 6.6% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ส่วนรายรับมีจำนวน 2.62 ล้านล้านดอลลาร์เพิ่มขึ้น 2.7%

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาความเคลื่อนไหวการค้าโลก หลังวอชิงตันโพสต์รายงานว่า  ทำเนียบข่าวกังวลต่อแนวโน้มกรตกลงทางการค้ากับจีน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ยังทวีตข้อความว่า จีนทำให้สหรัฐฯผิดหวัง เพราะไม่ได้ซื้อสินค้าเกษตรเพิ่มตามที่แจ้งไว้ในการหารือรอบนอการประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ G-20 ในเดือนมิถุนายน

ทำเนียบขาวยังเริ่มการตรวจสอบกรณีที่ฝรั่งเศสเตรียมเรียกเก็บภาษีรายได้จากบริษัทเทคโนโลยีของสหรัฐฯ

การยกเลิกแผนการควบคุมราคายาตามใบสั่งแพทย์ ส่งผลให้กลุ่มธุรกิจประกันสุขภาพเพิ่มขึ้น โดยหุ้นซิกนาเพิ่มขึ้น 9.24% หุ้นซีวีเอสเฮลธ์เพิ่มขึ้น 4.68% หุ้นยูไนเต็ดเฮลธ์ กรุ๊ปเพิ่มขึ้น 5.53% แต่หุ้นกลุ่มผู้ผลิตยาลดลง โดยหุ้นไฟเซอร์ลดลง 2.4% หุ้นเมิร์คแอนด์โคลดลง 4.5%

หุ้นเดลต้าแอร์ไลน์เพิ่มขึ้น 1.16% หลังรายได้ไตรมาสสองเพิ่มขึ้น 8.7%

ตลาดหุ้นยุโรปส่วนใหญ่ปิดลบ หลังรายงานกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMFระบุว่า เศรษฐกิจยูโรโซนมีความเสี่ยงจากความตึงเครียดทางการค้าโลก การถอนตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) และภาวะหนี้ของอิตาลี และรายงานยังเสนอแนะให้ธนาคารกลางยุโรป (ECB) ใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

รายงานระบุว่ากรรมการของ IMF เห็นว่านโยบายการเงินควรที่ยังคงเอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจและเงินเฟ้อจะเข้าสู่กรอบเป้าหมายของ ECB

ขณะเดียวกันรายงานเสถียรภาพการเงินของธนาคารกลางอังกฤษระบุว่า ระบบธนาคารของอังกฤษยังมีเงินทุนเพียงพอที่จะรองรับความเสี่ยงที่อาจจะเกิดขึ้นจาก Brexit และสงครามการค้าโลก แต่เตือนว่าการลดลงของการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศจาก Brexit อาจจะมีความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,509.82 จุด ลดลง 20.81 จุด,-0.28%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 386.70 จุด ลดลง 0.45 จุด,-0.12%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,551.95 จุด ลดลง 15.64 จุด,-0.28%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่  12,332.12 จุด ลดลง 41.29 จุด,-0.33%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนสิงหาคมลดลง 23 เซนต์ปิดที่ 60.20 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์ ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนกันยายนลดลง 49 เซนต์ปิดที่ 66.52 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลล์