KTBST แนะเลี่ยงหุ้นตปท.ซื้อเข้าพอร์ต เสี่ยงถูกขายหลังสกัดบาทแข็ง

HoonSmart.com>> บล.เคทีบี ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวน ตลาดจับตามาตรการชะลอเงินบาทแข็งค่า และแนวโน้มกำไรไตรมาส 2 กลุ่มธนาคาร แนะรอจังหวะลงทุน เลี่ยงหุ้นที่ต่างชาติซื้อในช่วง 1 เดือนก่อน เสี่ยงถูกขายทำกำไร หุ้นแนะนำ PTTEP, PTTGC, ORI, KCE, RATCH , EA และ PTG ประเมินกรอบดัชนี 1,720-1,750 จุด

วิน อุดมรัชตวนิชย์

ดร.วิน อุดมรัชตวนิชย์ ประธานกรรมการบริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เคทีบี (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ KTBST เปิดเผยว่า สัปดาห์นี้ (15-19 ก.ค. 62) มีประเด็นสำคัญที่ตลาดให้ความสนใจคือ มาตรการชะลอการแข็งค่าของเงินบาทจากธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่ออกมาตั้งแต่เมื่อวันศุกร์( 12 ก.ค.) ที่ผ่านมา นั้น คาดว่าจะมีผลให้การเข้ามาเก็งกำไรในค่าเงินลดลง และจะทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง แต่ตลาดหุ้นอาจจะผันผวนในช่วง 2-3 วัน

อย่างไรก็ตาม ด้วยเงินลงทุนของนักลงทุนต่างประเทศที่ยังอยู่ในตลาดหุ้น จึงมีผลลบต่อตลาดหุ้นไม่มาก แต่จะลดลงในส่วนของตลาดพันธบัตร ทั้งนี้ ขึ้นอยู่ทิศทางของค่าเงินบาท หากอ่อนตัวลงทะลุ 31.10 บาทต่อดอลลาร์ จากปัจจุบันที่ 30.93 บาท/ดอลล่าร์ จะเป็นตัวเร่งให้มีการขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงจากค่าเงินได้เช่นกัน

ส่วนปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญ คือ โอกาสในการลดดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ในเดือน ก.ค.นี้ ที่ยังมีโอกาสสูง ขณะที่คาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะมีการใช้มาตรการผ่อนคลายนโยบายการเงินในการประชุม 25 ก.ค. ด้วยเช่นกัน ปัจจัยดังกล่าวจึงน่าจะส่งผลให้เงินลงทุนยังคงไหลเข้าตลาดเกิดใหม่ต่อเนื่อง รวมไปถึงความคืบหน้าในการเจรจาการค้าของสหรัฐฯกับจีน

อีกประเด็นที่นักลงทุนจะติดตามในสัปดาห์นี้คือ เรื่องผลกระทบของหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า หลังผู้ตรวจการแผ่นดินมีข้อเสนอแนะให้กระทรวงพลังงานทบทวนแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า หรือ PDP2018 ซึ่งเป็นแผนหลักในการจัดหาพลังงานไฟฟ้าของประเทศเพื่อรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ หลังจากผู้ตรวจการแผ่นดินระบุว่ากำลังการผลิตไฟฟ้าของรัฐลดลงต่ำกว่า 51% ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 และการรายงานกำไรหุ้นธนาคารในไตรมาส 2 ซึ่ง KTBST ประเมินว่าธนาคาร 9 แห่ง จะมีการกำไรลดลง 6% YoY และ +3% QoQ ซึ่งหากกำไรต่ำกว่าคาด จะเป็นลบต่อตลาด เพราะอาจสะท้อนว่าเศรษฐกิจกำลังชะลอตัว

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนในสัปดาห์นี้ เนื่องจากตลาดมีปัจจัยลบคือมาตรการค่าเงิน จะทำให้แรงซื้อหุ้นอาจชะลอลง อย่างไรก็ตาม คาดว่าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนที่มีความคืบหน้า , การกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล และนโยบายดอกเบี้ยต่ำทั่วโลก จะหนุนดัชนีฯขึ้นไปต่อไปได้ ดังนั้นการลงทุนควรเน้นการรอจังหวะเข้าลงทุน หลีกเลี่ยงหุ้นที่นักลงทุนต่างประเทศซื้อเข้าไปมากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา (ข้อมูล NVDR Trading) ซึ่งเสี่ยงต่อการถูกขายทำกำไรเช่น CPALL, AOT, SCC, ADVANC, KBANK, BDMS, LH, INTUCH และ PTT ส่วนหุ้นแนะนำสัปดาห์นี้ ได้แก่ PTTEP, PTTGC, ORI, KCE, RATCH , EA และ PTG ประเมินกรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ที่ระดับ 1,720-1,750 จุด