ก.ล.ต.ปรับเกณฑ์เทอมฟันด์ ป้องความเสี่ยงผู้ลงทุน-ไม่สับสนกับเงินฝาก

HoonSmart.com>> ก.ล.ต. เปิดรับฟังความคิดเห็น ปรับปรุงหลักเกณฑ์เทอมฟันด์ ลงทุนกระจายความเสี่ยงมากขึ้น ขีดเส้นลงทุนตราสารรายใดรายหนึ่งไม่เกิน 10% จากเดิม 20% หวังปกป้องความเสี่ยงผู้ลงทุน เหตุมูลคาทรัพย์สินเทอมฟันด์ทั้งระบบสูง 7.7 แสนล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นผู้ลงทุนรายย่อย พร้อมให้ปิดเผยข้อมูลเพิ่ม เหมาะสมในการประกอบการตัดสินใจลงทุน และไม่สับสนว่าเป็นเงินฝากธนาคาร

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ปัจจุบันเทอมฟันด์ได้รับความนิยมสูงจากทั้งผู้ลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) และธนาคารพาณิชย์ โดย ณ สิ้นไตรมาส 1 ปี 2562 มีมูลค่าประมาณ 7.7 แสนล้านบาท โดยเป็นกองทุนที่ขายผู้ลงทุนรายย่อยในสัดส่วนสูงถึง 96% ของเทอมฟันด์ทั้งหมด

ทั้งนี้ กองทุนประเภทดังกล่าวมีลักษณะเฉพาะที่ผู้ลงทุนไม่สามารถขายคืนหน่วยลงทุนก่อนครบกำหนดอายุกองทุนรวม และอาจมีความเสี่ยงจากการลงทุนกระจุกตัวในตราสารที่ออก โดยผู้ออกรายใดรายหนึ่ง หากเกิดปัญหาความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกตราสารรายใดรายหนึ่งในพอร์ตการลงทุนของกองทุนรวม จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) ของกองทุนรวมลดลงมาก และอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นในอุตสาหกรรมกองทุนรวมในวงกว้างได้

สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จึงมีแนวคิดปรับปรุงหลักเกณฑ์การกำกับดูแลเทอมฟันด์ อาทิ การปรับลดเพดานอัตราส่วนการลงทุนของเทอมฟันด์เพื่อผู้ลงทุนทั่วไป (retail term fund) ในเงินฝากหรือตราสารเทียบเท่าเงินฝากจากผู้ออกรายใดรายหนึ่ง (single entity limit) เหลือ 10% จากเดิม 20% และเพิ่มเติมการเปิดเผยข้อมูลในหนังสือชี้ชวนส่วนสรุปข้อมูลสำคัญ (factsheet) เพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับข้อมูลอย่างเพียงพอและเหมาะสมในการประกอบการตัดสินใจลงทุน โดยไม่เข้าใจว่า เทอมฟันด์เป็นเงินฝากธนาคารพาณิชย์ และเป็นการลงทุนที่ปราศจากความเสี่ยง

รวมทั้งให้แสดงแถบมิติสะท้อนความเสี่ยงแปรผันตามการลงทุนที่กระจุกตัวในประเทศใดประเทศหนึ่ง หรือในอุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่ง เช่น การลงทุนกระจุกตัวในหมวดอุตสาหกรรมหนึ่งมากกว่า 80% ของพอร์ตการลงทุน ถือว่ามีความเสี่ยงสูง อีกทั้งกำหนดให้ระบุคำเตือนหน้าสมุดบัญชีแสดงสิทธิในหน่วยลงทุน

ก.ล.ต. ได้เผยแพร่เอกสารรับฟังความคิดเห็นในเรื่องดังกล่าวไว้ที่เว็บไซต์ ก.ล.ต. www.sec.or.th ผู้เกี่ยวข้องและผู้ที่สนใจสามารถแสดงความคิดเห็นได้ที่เว็บไซต์ หรือโทรสาร 0-2033-9660 หรือทาง e-mail dusit@sec.or.th หรือ ratanant@sec.or.th จนถึงวันที่ 8 สิงหาคม 2562