ANANพุ่งแรง 10% ลุ้นปลดล็อคโอน6พันล.

ANAN วิ่งฉิ่ว รับข่าว”ชานนท์”เคลียร์โครงการเจ้าปัญหา แอชตัน อโศก เรียบร้อยแล้ว โอนทันไตรมาส 2 หนุนรายได้ปีนี้เข้าเป้า 3.8 หมื่นล้าน

หุ้นบริษัทอนันดา ดีเวลอปเม้นท์ (ANAN)ปรับตัวขึ้นแรง ระหว่างวันขึ้นไปถึง 4.60 บาทก่อนปิดที่ระดับ 4.40 บาท บวก 0.42 บาทคิดเป็น 10.55% มูลค่าการซื้ขายมากถึง 754 ล้านบาท รับข่าว นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ANAN เปิดเผยว่า โครงการแอชตัน อโศก จะสามารถโอนได้ทันภายในไตรมาส 2/2561 หลังจากที่บริษัทฯได้พูดคุยกับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) และการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) แล้ว ทำให้ทิศทางยอดโอนในช่วงไตรมาส 2 จะดีกว่าช่วงไตรมาส 1 ที่สามารถทำได้ 3,840 ล้านบาท


“เราได้พูดคุยกับหลายๆ ฝ่ายเกี่ยวกับโครงการ แอชตัน อโศก และก่อนที่จะทำโครงการนี้ได้ปิดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นไว้หมดแล้ว พร้อมขออนุมัติรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) และยื่นขออนุญาตก่อสร้างเรียบร้อยแล้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นสิ่งที่ยืนยันได้ว่าโครงการทำถูกต้อง”นายชานนท์ กล่าว

ส่วนแนวโน้มของผลประกอบการปีนี้ยังคงเป้าหมายรายได้ไว้ที่ 3.8 หมื่นล้านบาท โดยจะมีโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จและเริ่มโอนได้ 9 โครงการ และยังคงเป้ายอดขายไว้มที่ 3.51 หมื่นล้านบาท จากการเปิดตัวโครงการใหม่ 16 โครงการ รวมมูลค่า 3.51 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ การขยายโครงการต่อไปจะยังคงเน้นตามแนวรถไฟฟ้าต่างๆ โดยมองว่าแนวรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ช่วงสมุทรปราการ-บางปูมีศักยภาพ

ทางด้านผลงานไตรมาส 1/2561 บริษัทมียอดขายรอโอน มูลค่า 53,600 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 27,600 ล้านบาท

ที่ผ่านมา หุ้น ANAN ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง ราคาหุ้นดิ่งลงจากที่ซื้อขายสูงกว่า 5 บาทลงไปแถว 3 บาทเศษ เพราะโครงการแอชตัน อโศก คอนโดมิเนียมสูง 50 ชั้น จำนวน 783 ยูนิต มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ปิดการขายแล้ว 100% แต่โอนไม่ได้ และกังวลอาจจะยืดเยื้อข้ามไปปีหน้า เพราะสมาคมต่อต้านสภาวะโลกร้อนและชาวบ้านยื่นฟ้องร้องศาลปกครองกลาง ต่อกทม.และ รฟม.รวมทั้งผู้เกี่ยวข้องว่าละเลยต่อหน้าที่ที่ปล่อยให้ก่อสร้างอาคารชุดพักอาศัยขนาดใหญ่พิเศษ ละเมิดกฎหมาย สิทธิชุมชนและสิทธิส่วนบุคคลโดยรอบพื้นที่โครงการบริษัท

ด้านนักวิเคราะห์ บล.ทรีนีตี้แนะนำ”ซื้อ” ANAN ให้ราคาเป้าหมาย 4.50 บาท มองว่าข่าวของร้ายของโครงการแอซตัน อโศก ได้รับรู้ไปหมดแล้วหลังจากที่ราคาหุ้นได้ปรับตัวลดลงไป 54% ตั้งแต่ช่วงต้นปี และรอการเติบโตของกำไรในช่วงครึ่งปีหลังจากการโอนโครงการใหม่มูลค่ากว่า 2.55 หมื่นล้านบาท