BAY ไตรมาส 2 กำไร 7 พันลบ.-ครึ่งปีโต 58% ขายเงินติดล้อ

HoonSmart.com>>แบงก์กรุงศรี ไตรมาส 2/62 กำไรสุทธิ 7,010 ล้านบาท เพิ่ม 1.2% จากงวดปีก่อน ครึ่งปีแตะ 1.97 หมื่นล้านบาท โต 58% จากงวดปีก่อน อานิสงส์ขายเงินติดล้อ หากไม่รวมรายการพิเศษโต 11% สินเชื่อเพิ่ม หนี้เสียลด คงเป้าสินเชื่อปีนี้โต 6-8%

ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (BAY) แจ้งผลการดำเนินงานไตรมาส 2 ปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย.2562 กำไรสุทธิ 7,010.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.95 บาท เพิ่มขึ้น 1.2% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 6,273.33 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.85 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน ปี 2562 กำไรสุทธิ 19,746.94 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 2.68 บาท เพิ่มขึ้น 58.1% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 12,487.90 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.70 บาท

ธนาคารมีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นในงวดครึ่งปีแรก มีปัจจัยขับเคลื่อนผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ย โดยมีปัจจัยหลักมาจากการบันทึกกำไรจาการขายหุ้น จำนวน 50% ของบริษัทเงินติดล้อ ในไตรมาส 1/2562 และการเพิ่มขึ้นของรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ สะท้อนการขยายตัวเงินให้สินเชื่อที่แข็งแกร่งในครึ่งปีแรก

อย่างไรก็ตามหากไม่รวมรายการพิเศษที่เกิดขึ้นในไตรมาส 1/2562 จากการขายหุ้นบริษัทเงินติดล้อและค่าใช้จ่ายเพื่อรองรับประมาณการหนี้สินเพิ่มขึ้นจากการชดเชยกรณีพนักงานเกษียณและเลิกจ้างตามการแก้ไขเพิ่มเติมพ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน กำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจตามปกติในครึ่งปีแรกเท่ากับ 13,939 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.6% หรือจำนวน 1,451 ล้านบาทจากช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านเงินให้สินเชื่อรวม 1,756.36 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 84,345 ล้านบาท หรือ 5% จากสิ้นปี 2561 โดยสินเชื่อเติบโตครอบคลุมทุกกลุ่มธุรกิจ โดยสินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดใหญ่ เพิ่มขึ้น 6.3% ขณะที่สินเชื่อเพื่อธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมและสินเชื่อเพื่อรายย่อยเพิ่มขึ้น 5.3% และ 4% ตามลำดับ โดมีเงินฝากจำนวน 1,497,469 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 71,121 ล้านบาท หรือ 5% จากสิ้นปีทีผ่านมา โดยใหญ่มาจากการเพิ่มขึ้นของเงินฝากประจำอายุหนึ่งปีและหนึ่งปีขึ้นไป

ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.69% จาก 3.75% ในครึ่งปีแรกปี 2561 สะท้อนการปรับสมดุลของพอร์ตสินเชื่อไปยังสินเชื่อเพื่อธุรกิจในช่วงเวลาดังกล่าวและการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงิน ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยรับเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 53.9% หรือจำนวน 9,319 ล้านบาท เมื่อเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน

อัตราส่วนสินเชื่อด้อยคุณภาพปรับตัวดีขึ้น 1.96% ในเดือนมิ.ย.2562 จาก 2.08% ในสิ้นปีที่ผ่านมา ส่วนอัตราส่วนเงินสำรองต่อสินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ 168.5% ปรับตัวดีขึ้นจาก 160.8% ณ สิ้นเดือนธ.ค.2561 และมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยงอยู่ที่ 15.88% เทียบกับ 15.13% จากสิ้นปีที่ผ่านมา

ส่วนไตรมาส 2/2562 กำไรสุทธิ 7,010 ล้านบาท ลดลง 5,727 ล้านบาท หรือ 45% จากไตรมาส 1/2562 เป็นผลจากไม่มีการบันทึกรายการพิเศษในไตรมาสนี้ โดยหากไม่รวมรายการพิเศษในไตรมาส 1/2562 ธนาคารมีกำไรสุทธิจากการดำเนินธุรกิจตามปกติในไตรมาส 2/2562 เพิ่มขึ้น 81 ล้านบาท หรือ 1.2% จากไตรมาส 1/2561 และเมื่อเทียบไตรมาส 2/2561 กำไรจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นจำนวน 1,242 ล้านบาท หรือ 8.7% โดยปัจจัยหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ที่มิใช่ดอกบี้ยและรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ

นายเซอิจิโระ อาคิตะ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า จากความเสี่ยงด้านปัจจัยภายนอกที่เพิ่มมากขึ้นและความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ซึ่งเป็นผลมาจากข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ กรุงศรีได้ปรับประมาณการอัตราการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยปี 2562 ลงมาอยู่ที่ 3.2%

“ท่ามกลางความท้าทายดังกล่าว เราคาดว่าแนวโน้มการขยายตัวของอุปสงค์ภายในประเทศจะปรับตัวดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังของปีนี้ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ และการเดินหน้าลงทุนในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน รวมถึงการเติบโตอย่างแข็งแกร่งตามแผนการดำเนินงานของกรุงศรีอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีแรก ธนาคารยังคงเป้าหมายการเติบโตของสินเชื่อที่ระดับ 6-8% ในปี 2562 ” นายอาคิตะ กล่าว