IRPC บุ๊ครายได้ขายที่ดิน 620 ล้าน ไตรมาส 3

IRPCจ่อบุ๊ครายได้ขายที่ดินให้บริษัทร่วมทุนพัฒนานิคมฯในพื้นที่อีอีซี 620 ล้านบาท ในช่วงไตรมาส 3 คาดพัฒนาที่ดินขายสร้างรายได้ 8 พันล้านบาทภายใน 10 ปี มั่นใจกำไรปีนี้นิวไฮ

นางรัชดาภรณ์ ราชเทวินทร์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายบัญชีและการเงิน บริษัท ไออาร์พีซี (IRPC) เปิดเผยว่า ในช่วงไตรมาส 3 ปีนี้ บริษัทฯจะบันทึกกำไรจากการขายที่ดินบริเวณอ.บ้านค่าย จ.ระยอง 2,152 ไร่ เป็นมูลค่า 620 ล้านบาท ให้กับบริษัทพัฒนานิคมอุตสาหกรรมในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง IRPC และบริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น (WHA) ที่คาดว่าจะจัดตั้งแล้วเสร็จในไตรมาส 3 เช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในเบื้องต้นมีนักลงทุนชาวต่างชาติแสดงความสนใจที่จะใช้ที่ดินดังกล่าวแล้ว และมั่นใจว่าจะขายที่ดินได้ ซึ่งคาดว่าจะสร้างรายได้กว่า 8,000 ล้านบาทภายใน 10 ปี

สำหรับภาพรวมการประกอบธุรกิจปีนี้ มั่นใจว่าจะเติบโตมากกว่าปีที่แล้ว เพราะจะรับรู้รายได้จากโครงการที่ลงทุนไปก่อนหน้านี้ เช่น โครงการขยายกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีน (PP) อีก 3 แสนตันต่อปี ซึ่งจะทำให้บริษัทมีกำลังการผลิตโพลีโพรพิลีนเพิ่มเป็น 7.75 แสนตันต่อปี โครงการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์สะอาด (UHV) ที่ดำเนินการได้เต็มที่ประสิทธิภาพ และการเปิดโรงไฟฟ้าไออาร์พีซี คลีน เพาเวอร์ ระยะ 2 ขนาด 240 เมกะวัตต์ เป็นต้น

ขณะที่ปีนี้ IRPC ไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่นเหมือนปีที่แล้ว ทำให้เดินเครื่องโรงกลั่นน้ำมันได้ 99% หรือ 2.14 แสนบาร์เรลต่อวัน จากปีก่อนที่มีการกลั่นน้ำมันเฉลี่ย 1.8 แสนบาร์เรลต่อวัน และบริษัทอยู่ระหว่างศึกษาโครงการ MARS ซึ่งเป็นโครงการขยายกำลังการผลิตพาราไซลีนเป็น 1 ล้านตันต่อปี และเบนซีนเป็น 3 แสนตันต่อปี โดยนำแนฟทาจากโรงกลั่นมาต่อยอด โดยจะสร้างผลตอบแทนจากผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีเพิ่มเป็น 25% จากเดิม 15% หากได้ข้อสรุปจะมีการลงทุนในปี 2562

“ส่วนต่างที่ได้จากธุรกิจปิโตรเลียมและปิโตรเคมีจะยังดีอยู่ โดยผลิตภัณฑ์หลักที่มาจากธุรกิจปิโตรเลียม ได้แก่ ดีเซลยังคงอยู่ในระดับสูง เนื่องจากโรงกลั่นภายในประเทศจะมีการปิดซ่อมบำรุง ประกอบกับสินค้าคงเหลือทั่วโลกยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีประเภท PP ในงวดไตรมาสแรกอยู่ที่ระดับ 650 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ก็มองว่าในช่วงสิ้นปีนี้จะยังคงอยู่ในระดับที่ดี เพราะความต้องการใช้ยังสูงและกำลังการผลิตใหม่เข้าสู่ระบบต่ำกว่าคาดการณ์”นางรัชดาภรณ์กล่าว

นางรัชดาภรณ์ ยังระบุว่า ผลประกอบการของ IRPC ไตรมาสที่ 2 จะดีกว่าไตรมาสที่ 1 เพราะมีการใช้กำลังการผลิตเต็มที่ และค่าเงินบาทมีแนวโน้มอ่อนค่าทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน ขณะที่กำไรขั้นต้นจากการผลิตตามราคาตลาด (Market GIM) จะอยู่ที่ระดับ 14-15 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล

นางรัชดาภรณ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานไตรมาส2/2561ว่ามีแนวโน้มดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนและไตรมาส1/2561 เนื่องจากไม่มีการปิดซ่อมบำรุงโรงงาน รวมทั้งเงินบาทที่อ่อนค่าลงทำให้มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน โดยปี 2561 คาดว่ารายได้ของบริษัทจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งและทำกำไรนิวไฮ