ดาวโจนส์ปิดลบ 98 จุด วิตกสงครามการค้า

HoonSmart.com>>ดัชนีดาวโจนส์ลงต่อ  ท่ามกลางความกังวลต่อสงครามการค้า  จีนประกาศอาจใช้มาตรการตอบโตสหรัฐ  การจ้างงานเอกชนเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้นมากกว่า 1 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล 

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 2 สิงหาคม 2562 ที่ 26,485.01 จุด ลดลง 98.41 จุด หรือ 0.37% ท่ามกลางความกังวลต่อสงครามการค้าที่กลับมาอีกครั้ง หลังประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ทวีตข้อความว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 300 พันล้านดอลลาร์ในอัตรา 10% โดยจะผลในวันที่ 1 กันยายนนี้ แต่จะยกเลิกการเก็บภาษี หากจีนเริ่มดำเนินการซื้อสินค้าเกษตรสหรัฐฯ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 2,932.05 จุด ลดลง 21.51 จุด, -0.73%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 8,004.07 จุด ลดลง 107.05 จุด, -1.32%

ในสัปดาห์นี้ ดัชนี S&P500 และ ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.1% และ 3.9% ตามลำดับ นับเป็นการร่วงลงมากสุดรอบสัปดาห์ของปี 2019 ส่วนดัชนีดาวโจนส์ลดลง 2.6% และเป็นสัปดาห์ที่สองของปีที่ร่วงลงแรง

รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศจีนตอบโต้โดยกล่าวว่า ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกควรเลิกหลอกตัวเองได้แล้ว ควรมีความรับผิดชอบและหันกลับมาอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องในการแก้ไขสงครามการค้า ขณะที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ฮวา ชุนอิง กล่าวว่า จีนอาจจะใช้มาตรการตอบโต้หากสหรัฐฯจะเก็บภาษีสินค้านำเข้าจีน

นักวิเคราะห์ระบุว่า ผลกระทบจากการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนรอบนี้ต่างจากครั้งก่อน เพราะครั้งนี้มีผลโดยตรงต่อสินค้าขั้นปลายหรือรอการจำหน่ายที่จะมีผลโดยตรงต่อผู้บริโภคสหรัฐ

กระทรวงแรงงานเผย การจ้างงานภาคเอกชนเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้น 164,000 ตำแหน่ง ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ส่วนอัตราว่างงงานอยู่ที่ 3.7% ขณะที่ค่าจ้างเพิ่มขึ้น 3.2% จากระยะเดียวกันของปีก่อนดีกว่าที่คาด

มหาวิทยาลัยมิชิแกนเผยผลสำรวจความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนกรกฎาคมเพิ่มขึ้นมาที่ระดับ 98.4 จาก 98.2 ในเดือนก่อนแต่ต่ำกว่า 98.5 ที่นักวิเคราะห์คาด

กระทรวงพาณิชย์เผย คำสั่งซื้อภาคโรงงานเดือนมิถุนายนเพิ่มขึ้น 0.6%

นอกจากนี้นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลประกอบการ ซึ่งขณะนี้มี 77% ของบริษัทจดทะเบียนแจ้งผลการดำเนินงานจริงเข้ามาแล้ว และหากประเมินร่วมกับผลการดำเนินงานของบริษัทที่ยังไม่แจ้งก็คาดว่า ผลการดำเนินงานไตรมาสสองโดยรวมจะลดลง 1.0%

หุ้นแคทเธอพิลลาร์และหุ้นเดียร์ที่อ่อนไหวต่อการค้าลดลงมากกว่า 1.5%

หุ้นแอปเปิลลดลง 2% นักวิเคราะห์คาดว่าผลการดำเนินงานรอบบัญชีปี 2020 จะลดลง 4% หากแอปเปลรับภาระภาษีเอง หรือลดการผลิตไอโฟนลงจาก 8 ล้านเป็น 6 ล้านเครื่องแล้วผลักภาะให้ผู้บริโภค

ตลาดหุ้นยุโรปปิดร่วงแรงประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ประกาศว่า สหรัฐฯจะเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนวงเงิน 300 พันล้านดอลลาร์ในอัตรา 10% นักลงทุนเทขายออกและหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยส่งผลให้หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานลดลง 4.6% หุ้นกลุ่มยานยนต์ลดลง 3.4% และหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีลดลง 3.6%

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,407.06 จุด ลดลง 177.81 จุด,-2.34%

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 378.15 จุด ลดลง 9.53 จุด,-2.46%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,359.00 จุด ลดลง 198.41 จุด,-3.57%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 11,872.44 จุด ลดลง 380.71 จุด,-3.11%

นักลงทุนยังเกาะติดการรายงานผลประกอบการ หุ้นโรยัลแบงก์ออฟสก็อตแลนด์ในอังกฤษลดลง 6.2% แม้กำไรไตรมาสสองดีกว่าคาดและประกาศจ่ายเงินปันผล 1.7 พันล้านปอนด์

หุ้นเครดิตอะกริโกลในฝรั่งเศสลดลง 4.3% หลังกำไรไตรมาสสองตก 15%

หุ้นอัลลิแอนซ์ในเยอรมนีลดลง 3% แม้กำไรไตรมาสสองเพิ่มขึ้น 13.5%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนกันยายนเพิ่มขึ้น 1.71 ดอลลาร์ ปิดที่ 55.66 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนตุลาคมเพิ่มขึ้น 1.39 ดอลลาร์ปิดที่ 61.89 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล