หุ้นโลกยังไม่ปลอดภัย ยังไม่รีบเข้า ขายก่อนรอซื้อคืน

HoonSmart.com>> หุ้นไทยแสดงอภินิหาร 6 ส.ค. เหวี่ยงขึ้นลงแรง 25 จุด ก่อนปิดบวก 5 จุด ดีใจตลาดหุ้นโลกผ่อนคลาย หลังจากจีนกำหนดเงินหยวนแข็งค่าขึ้น นักลงทุนเลือกซื้อ-ขายตามพื้นฐาน ไม่ทิ้งทั้งกระดานเหมือนอดีต บล.ธนชาตแนะยังไม่ให้รีบซื้อ บล.ไทยพาณิชย์ชวนให้หลบภัยใน DIF-JASIF บล.โนมูระ พัฒนสิน มองเห็นโอกาสจากตลาดย่อ รับบริเวณ 1,640 บล.เคทีบีให้เพิ่มเงินสดมากกว่า 20%  บล.เอเซียพลัสเตือน  BEAUTY โดนเต็มๆ  ส่งไปจีน 30% อิเล็กทรอนิกส์ไทยแข่งจีนลำบาก หุ้นน้องใหม่ DOHOME เก่ง ปิดสูงสุด 8.70 บาท แจกกำไร 11.54%

วันที่ 6 ส.ค. นักลงทุนที่ตื่นตระหนกสงครามค่าเงิน ขายหมู ระหว่างวัน หุ้นดิ่งลงไป 18.5 จุด ตีกลับขึ้นไปสูงสุด 7.39 จุด ก่อนปิด บวก 5.49 จุด หรือ 0.33% ดัชนีตลาดหลักทรัพย์ปิดที่ 1,671.48 จุด ท่ามกลางมูลค่าการซื้อขายมากกว่า 70,439.73 ล้านบาท หลังจากดัชนีดาวโจนส์ล่วงหน้าดีดกลับ และจีนกำหนดค่าเงินหยวนแข็งขึ้น  แต่นักลงทุนต่างชาติยังคงขายอีก 3,419 ล้านบาท สถาบันไทยถือโอกาสช้อน 2,471 ล้านบาท เหลือให้รายย่อยซื้อแค่ 1,622 ล้านบาท

ส่วนหุ้น บริษัท ดูโฮม (DOHOME) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์วันแรก เปิดเท่าราคาจองที่ 7.80 บาท แต่ปิดที่จุดสูงสุดของวันที่ระดับ 8.70 บาท

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เอเซียพลัส ออกบทวิเคราะห์ “เงินหยวนอ่อนค่า กระทบหุ้นกลุ่มไหนมากสุด” การส่งออกของไทยมีสัดส่วนการค้ากับจีนมากที่สุดราว 8.02 หมื่นล้านเหรียญในปี 2561 คิดราว 16% ของประเทศคู่ค้าทั้งหมดของไทย หลักๆ คือ เม็ดพลาสติก 10.3% , ผลิตภัณฑ์ยาง 9.4%, เคมีภัณฑ์ 9.1%, คอมพิวเตอร์และชิ้นส่วน 7%, ยางพารา 6.5% เป็นต้น

สำหรับหุ้นในกลุ่มที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบ ได้แก่ กลุ่มค้าปลีก-ค้าส่ง BEAUTY สัดส่วนยอดขายของนักท่องเที่ยวจีนคิดเป็น 5-10% ของยอดขายรวม, ส่งออกไปจีนราว 30% ของรายได้รวม

กลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม โดยเฉพาะ ERW ที่มีรายได้พึ่งพาโรงแรมในไทยราว 94%, CENTEL สัดส่วนร้านอาหารและธุรกิจโรงแรม 62% และ 37% ของรายได้, MINT กระทบน้อยกว่า ธุรกิจหลากหลาย

สำหรับหุ้นการบินทั้งหมด ซึ่งฝ่ายวิจัย ASP ตั้งสมมติฐานปริมาณจราจร โดยรวมผลบวกการฟื้นตัวจากฐานตํ่าปีก่อน ซึ่งจากการศึกษาผลกระทบความอ่อนไหวอัตราส่วนบรรทุกผู้โดยสารทุกๆ 1% ที่เปลี่ยนแปลงไปจากประมาณการเดิม

ขณะที่ AOT เป็นการกำหนดการเติบโตของผู้ใช้บริการทุกๆ 1% ที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิม จะกระทบต่อกำไรสุทธิปี 62 ของ AOT, AAV,BA ลดลง 1.4%, 23%, 70.6% ส่วน THAI พลิกจากกำไรเป็นขาดทุน ตามลำดับ

กลุ่มโรงพยาบาล คาดกระทบต่อโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนรายได้จากผู้ป่วยต่างชาติจำกัด (BH,BDMS, PR9 และ BCH) เนื่องจากรายได้จากชาวจีนคิดเป็นเพียง 1-3% ของกลุ่มฯ

กลุ่มอาหาร CPF มีรายได้เป็นเงินหยวน 25% ของรายได้รวม ค่าเงินบาท/หยวนแข็งค่า แปลงรายได้เป็นบาทได้น้อยลง ขณะที่ธุรกิจในจีนแทบไม่ได้รับผลกระทบ

กลุ่มส่งออกชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ เงินบาท/หยวนแข็งค่า จะทำให้ความสามารถในการแข่งขันของผู้ประกอบการไทย ไม่ว่าจะเป็น KCE, DELTA, SVI และ HANA ลดลงเทียบกับผู้ประกอบการจีน

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการสภาธุรกิจตลาดทุนไทย เปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุน ประจำเดือนสิงหาคม 2562 ว่า ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนในอีก 3 เดือนข้างหน้า เพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่สองอยู่ในเกณฑ์ร้อนแรง (Bullish) ช่วงดัชนี 120 – 159 เพิ่มขึ้น 19.89% มาอยู่ที่ระดับ 131.21เป็นเดือนแรกในรอบห้าเดือน พบว่าเงินทุนไหลเข้า และแนวโน้มนโยบายทางการเงินสหรัฐเป็นปัจจัยหนุนความเชื่อมั่นนักลงทุนมากที่สุด ขณะที่ความขัดแย้งสงครามทางการค้าและแนวโน้มผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน เป็นปัจจัยฉุดความเชื่อมั่นนักลงทุน”

หมวดธุรกิจที่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดพาณิชย์ ส่วนที่ไม่น่าสนใจมากที่สุด คือหมวดสื่อและสิ่งพิมพ์

นางสาวอริยา ติรณะประกิจ รองกรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย เปิดเผยดัชนีคาดการณ์อัตราดอกเบี้ย เดือนส.ค. อยู่ที่ระดับ 52 เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากครั้งที่แล้ว แต่ยังคงอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน”  สะท้อนมุมมองของตลาดว่ากนง.จะยังคงดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ระดับ 1.75% ต่อไป โดยมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ชะลอลง อัตราเงินเฟ้อที่ยังต่ำกว่ากรอบเป้าหมาย และเงินทุนจากต่างชาติที่ลดลง เป็นปัจจัยกำหนดที่สำคัญ

ดัชนีคาดการณ์อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาล 5 ปีและ 10 ปี ในรอบการประชุม กนง. เดือนก.ย. (ประมาณ 7 สัปดาห์ข้างหน้า) อยู่ที่ระดับ 45 และ 48 ตามลำดับ เพิ่มขึ้นจากครั้งที่แล้ว แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ “ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากปัจจุบัน”  ซึ่ง Bond yield 5 ปีอยู่ที่ระดับ 1.75% และ Bond yield 10 ปีอยู่ที่ 1.95% ณ วันที่ทำการสำรวจ (19 ก.ค. 62)

อ่านประกอบ :

แนะกลยุทธ์ยังไม่รีบเข้า ขายก่อนรอรับ

ASP ชี้เงินหยวนอ่อนกระทบ “ค้าปลีก-ท่องเที่ยว-สายการบิน-ชิ้นส่วนฯ”

FETCO เผยดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนสู่โหมด Bullish ครั้งแรกรอบ 5 เดือน