BEC ขาดทุน 103 ลบ. ร่วงตามโฆษณา ดิ้นปรับแผนสั้น-ยาว

HoonSmart.com>>บีอีซี เวิลด์เผยผลงานไตรมาส 2/2562 ทรุดหนักกว่า 359%จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามเม็ดเงินโฆษณา  แม้คุมค่าใช้จ่ายในการขายและต้นทุนทางการเงินลดลง ฝากความหวัง”อริยะ พนมยงค์” เพิ่มรายได้ออนไลน์และขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศ เสริมธุรกิจหลัก 

บริษัท บีอีซี เวิลด์ (BEC) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 2/2562 ขาดทุนสุทธิ 103 ล้านบาท แย่ลง 81 ล้านบาท คิดเป็น 359%จากที่ขาดทุนสุทธิ 22 ล้านบาทในระยะเดียวกันปีก่อน แต่เมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2562 กลับดีขึ้น 19.53% รวม 6 เดือนขาดทุนสุทธิ 231 ล้านบาท แย่ลง 83 ล้านบาทหรือ 56% จากขาดทุนสุทธิ 148 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน

ขาดทุนที่เกิดขึ้นมากในไตรมาส 2/2562 มาจากรายได้รวม 2,092.3 ล้านบาท ลดลง 22.8% จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาส 1/2562 ที่ 2,023.8 ล้านบาท  ส่วนค่าใช้จ่ายรวม อยู่ที่ 1,867.4 ล้านบาท ลดลง 20.4% แต่เพิ่มขึ้น 2.4% จากไตรมาส 1/2562 ที่ 1,823 ล้านบาท

” BEC มีรายได้หลักจากการขายเวลาโฆษณาสัดส่วน 86.7% ไตรมาส 2 มีรายได้จากส่วนนี้ 1,814.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3.4% จากไตรมาส 1 แต่ลดลง 23% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ตามภาวะการแข่งขันในตลาดที่สูงและเศรษฐกิจชะลอตัวลง ส่วนรายได้จากการใช้สิทธิและบริการอื่นจำนวน 246.2 ล้านบาทลดลง 7.9% แต่เพิ่มขึ้น 19.9% จากไตรมาส 1/2562 จากธุรกิจออนไลน์ที่ผ่านแพลตฟอร์มและเว็บไซต์ เช่น CH3Thailand และ Mello รวมถึงแพลตฟอร์มพันธมิตร และเพิ่มขึ้นจากการขายลิขสิทธิ์ละครไปต่างประเทศ รายได้การจัดคอนเสิร์ตและแสดงโชว์ อยู่ที่ 19.3 ล้านบาท ลดลง 72.3% จากไตรมาส 2/2561″บริษัทระบุ

บริษัทมีกำไรขั้นต้น 224.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12% จากไตรมาส 1/2562 ที่ 200.8 ล้านบาท แต่ลดลง 38.2% จากไตรมาสที่ 2/2561 ที่ 363.7 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีการควบคุมค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ ส่งผลให้มีจำนวน 366.7 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.7% จากไตรมาส 1 แต่ลดลง 3% จากไตรมาส 2/2561 และบริหารต้นทุนทางการเงิน เหลือ 31.2 ล้านบาท ลดลง 16.9% จากไตรมาส 1 และลดลง 30.2% จากไตรมาสที่ 2/2561 ที่ 44.7 ล้านบาท

ทั้งนี้ เนลสัน มีเดีย รีเสิร์ช รายงานภาพรวมเม็ดเงินโฆษณา (AdEx) ในครึ่งปีแรก อยู่ที่ 50,702 ล้านบาท ลดลง 1,033 ล้านบาทหรือ 2% เทียบกับจำนวน 51,735 ล้านบาท โดยสื่อสิ่งพิมพ์ลดลงมากที่สุด 18.4% และสื่อช่องรายการ โทรทัศน์ในระบบดาวเทียมและสายเคเบิล ลดลง 13.3% ขณะที่สื่อนอกบ้านและการขนส่ง เติบโตมากที่สุด 3.6% ส่วนสื่อโทรทัศน์รวม อยู่ที่ 34,154 ล้านบาท ลดลง 1 % สื่อดิจิทัล อยู่ที่ 754 ล้านบาท ลดลง 1 %

ขณะที่ไตรมาส 2/2562 เม็ดเงินโฆษณาอยู่ที่ 26,557 ล้านบาท ลดลง 2.4% จากไตรมาส 2/2561 เพิ่มขึ้น 10% จากไตรมาส 1 ทั้งนี้ สื่อดิจิทัล อยู่ที่ 400 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13 % จากไตรมาสที่ 1/2562 แต่ลดลง 2.7%จากไตรมาสที่ 2/2561  กลุ่มโทรทัศน์รวม อยู่ที่ 17,954 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.8%จากไตรมาส 1 แต่ลดลง 1.7% เทียบไตรมาส 2/2561 หากไม่รวมการเพิ่มขึ้นของรายการ Home Shopping เม็ดเงินโฆษณาในกลุ่มโทรทัศน์รวม อยู่ที่ 15,653 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11.5% จากไตรมาส 1 แต่ลดลง 4.1% เทียบไตรมาส 2/2561 ที่ 16,328 ล้านบาท

บริษัทได้เล็งเห็นถึง การแข่งขันที่ยังสูงในธุรกิจทีวีดิจิทัล จากจำนวนช่องที่มากเกินไป ในขณะที่เม็ดเงินโฆษณาหดตัวลง รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ชมที่หันไปรับชมรายการต่างๆ บนแพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น บริษัทฯตัดสินใจขอคืนช่อง 13Family กับช่อง 28SD และจะมุ่งเน้นพัฒนาช่อง 33HD เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน โดยจะยุติการให้บริการทั้งสองช่อง ณ สิ้นเดือนก.ย.2562

ในวันที่ 18 เม.ย. 2562 คุณอริยะ พนมยงค์ เข้ามารับตำหน่งกรรมการผู้อำนวยการ ซึ่งมีประสบการณ์ด้านธุรกิจออนไลน์มานาน จะเข้ามาปรับปรุงและพัฒนาธุรกิจ มีการจัดทำแผนระยะสั้น มุ่งเน้นการหารายได้จากธุรกิจหลัก อย่างธุรกิจโทรทัศน์ และธุรกิจที่มีโอกาสในการเติบโตสูงอย่าง ธุรกิจออนไลน์และธุรกิจการขายลิขสิทธิ์ไปต่างประเทศ ส่วนแผนระยะยาวในการแสวงหารายได้จากธุรกิจที่สามารถต่อยอดจากธุรกิจเดิมได้ และธุรกิจใหม่ ซึ่งจะช่วยให้บริษัทสามารถปรับตัวตามสภาวะตลาดและการเปลี่ยนแปลงพฤตกิรรมของผู้บริโภคได้