SCN ไตรมาส 2 โต 11.90 % รับรู้กำไรรอบด้าน

SCN ไตรมาส 2 โต 11.90 % ยอดขายตัวแทนจำหน่ายเพิ่มขึ้น รับรู้รายได้บำรุงรักษารถแอร์ NGV และกำไรพิเศษโรงไฟฟ้ามินบู พม่า  

บริษัท สแกน อินเตอร์  ( SCN ) ผู้ประกอบการธุรกิจพลังงาน พลังงานหมุนเวียน และยานยนต์ที่ใช้พลังงานทางเลือก ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2/2562 กำไรสุทธิ 45.88 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.04 บาท เพิ่มขึ้ 4.88 ล้านบาท หรือ 11.90 % จากช่วงเดียวกันปีก่อน กำไร 41 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.03 บาท

ส่วนงวด 6 เดือน กำไรสุทธิ 118.50 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.10 บาท  ดีขึ้น 15.50 ล้านบาท หรือ 15 %  เทียบช่วงเดียวกันปีก่อน  มีกำไร 103 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.09 บาท

ฤทธี กิจพิพิธ

นายฤทธี กิจพิพิธ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สแกน อินเตอร์ (SCN) กล่าวว่า  รายได้ไตรมาส 2/2562 ออกมาดีตามคาด รายได้รวม 6 เดือนแรกปีนี้ อยู่ที่ 1,695.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันปีก่อน  จำนวน  309.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 22.3%

โดยมีปัจจัยหลักมาจาก ยอดขายตัวแทนจำหน่ายและศูนย์บริการรถยนต์ เพิ่มขึ้น รวมไปถึงรายได้จากการซ่อมบำรุงรักษารถโดยสารปรับอากาศ NGV ทั้งหมด 489 คัน ที่จะเป็นรายได้ต่อเนื่องในไตรมาสถัด ๆไปอีกด้วย

รายได้ที่เกี่ยวเนื่องกับผลิตภัณฑ์ก๊าซธรรมชาติ ยังปรับตัวเพิ่มขึ้น มีผลมาจากธุรกิจก๊าซธรรมชาติอัดสำหรับอุตสาหกรรม (iCNG) ที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อน สะท้อนความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้น รวมไปถึงประสิทธิภาพในการขยายกิจการเพื่อรองรับความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มมากขึ้นอีกด้วย

รวมถึงการรับรู้กำไรพิเศษ จากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์มินบู ณ ประเทศเมียนมา ส่งผลส่วนแบ่งกำไร 20.08 ล้านบาท ในไตรมาสนี้ โดยโครงการมินบูเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานทดแทนแห่งแรกและใหญ่ที่สุดของสาธารณรัฐสหภาพเมียน เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2562 ที่ผ่านมา

“บริษัทมีแผนเติบโตอย่างยั่งยืน มีการปรับตัวและพัฒนาธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง แบ่งโครงสร้างธุรกิจอย่างชัดเจนในรูปแบบ 3+1 นั่นคือ ธุรกิจก๊าซธรรมชาติ, ธุรกิจยานยนต์, ธุรกิจพลังงานทดแทน และ ธุรกิจโลจิสติกส์ ที่เข้ามาเสริม โดยต่อยอดจากธุรกิจหลักที่ให้บริการขนส่งก๊าซให้กับลูกค้าทั้งในไทยและต่างประเทศ ซึ่งปีนี้จะเห็นการเติบโตของธุรกิจในเครือ SCN ทุก ๆ ด้าน  ปัจจุบันศึกษาเข้าลงทุนในโครงการต่าง ๆ อาทิเช่น โครงการมินิบัส, ด้านพลังทางเลือกทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมไปถึงโครงการด้านสาธารณูปโภคในกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) นับจากนี้จะสร้างการเติบโตอย่างต่อเนื่องและยั่งยืนอย่างแน่นอน” ผู้บริหารกล่าว