‘ไพรเวทแบงก์กสิกรฯ’ ลดหุ้นเหลือ 20% ‘ลอมบาร์ด’ ยันปีหน้าเศรษฐกิจยังไม่ถดถอย

HoonSmart.com>> “ลอมบาร์ด” ไพรเวทแบงก์เก่าแก่ที่สุด 223 ปี การันตีปีหน้าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ถดถอย  คาดเฟดลดดอกเบี้ยอีกรอบ ยอมรับความกังวลกระทบหุ้น  ปรับพอร์ตไพรเวทแบงกิ้งที่ร่วมบริหารกับกสิกรไทย ลดน้ำหนักหุ้นจาก 35-40% เหลือ 20%  เพิ่มการลงทุนทางเลือก  หาหุ้นนอกตลาดตั้งกองทุนในไทย  เปิดบริการให้ลูกค้านำที่ดินมาจดจำนองแปลงเป็นสินเชื่อ 4 พันล้านมาลงทุน  ปีหน้าเพิ่มวงเงิน 1.5 หมื่นล้าน เผยโฉมออฟฟิศใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ ตั้งเป้ารับคนไทยรวยขึ้น 26%  ลูกค้าเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี

นายจิรวัฒน์ สุภรณ์ไพบูลย์ Private Banking Group Head ธนาคารกสิกรไทย และ วินเซนต์ แมกนีแนตท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชีย ร่วมเปิดสำนักงานแห่งใหม่ของ KBank Private Banking ย่านพร้อมพงษ์ ชั้น 42 อาคารภิรัช ทาวเวอร์ แอท เอ็มควอเทียร์ ตั้งอยู่ใจกลางแหล่งช้อปปิ้งระดับโกลบอลแบรนด์  อำนวยความสะดวกและรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้าที่มาเป็นประจำ เมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2562 ที่ผ่านมา

วินเซนต์ แมกนีแนตท์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชีย ได้ให้สัมภาษณ์ กรณีตลาดเงินตลาดทุนโลกมีความกังวลเรื่องสหรัฐอเมริกาจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยว่า จะยังไม่เกิดขึ้น ในปี 2563 แม้ว่าขณะนี้จะมีสัญญาณเตือนจากเศรษฐกิจหลายตัวก็ตาม เช่น อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว แต่เกิดขึ้นในระหว่างการซื้อขายเท่านั้น รวมถึงตัวเลขการจ้างงาน แต่ความกังวลส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวน ไพรเวทแบงกิ้งที่ร่วมจัดตั้งและบริหารกับธนาคารกสิกรไทยจึงต้องลดน้ำหนักการลงทุนในหุ้นเหลือ 20%

“เชื่อว่าธนาคารกลางสหรัฐอเมริกาหรือเฟดจะลดดอกเบี้ยลงอีกครั้งภายในปีนี้ สถานการณ์ตอนนี้เป็นช่วงเวลาของมืออาชีพเท่านั้นในการสร้างผลประโยชน์จากจุดหักเหของตลาด “ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ลอมบาร์ด โอเดียร์ เอเชียกล่าว

ทั้งนี้ ลอมบาร์ด เป็นผู้ให้บริการไพรเวทแบงกิ้ง ที่เก่าแก่ที่สุด ปัจจุบันดำเนินงานมาแล้ว 223 ปี สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในกรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ มีเงินกองทุนขั้นที่ 1 (Tier1) ประมาณ 30%

นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า ไพรเวทแบงกิ้งที่ธนาคารร่วมพัฒนากับลอมบาร์ด เป็นการจัดพอร์ตสำหรับการลงทุนทุกฤดูกาล หรือ All season แม้ว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยก็ตาม สถานการณ์ปัจจุบันมีการปรับพอร์ตการลงทุนขายสินทรัพย์เสี่ยงออกไป จากที่ลงทุนในหุ้น ประมาณ 35-40% ตอนนี้ลงมาเหลือ 20% เท่านั้น รวมถึงการขายหุ้นกู้ที่ให้ผลตอบแทนสูง อันดับเครดิตต่ำกว่าลงทุนได้  หันมาเพิ่มการลงทุนทางเลือก ไม่เฉพาะการลงทุนในตราสารหนี้ระยะยาวเท่านั้น ยังมีการลงทุนหุ้นนอกตลาด ซึ่งมีการนำหุ้นนอกตลาดต่างประเทศมาจัดตั้งกองทุนในประเทศไทย ให้ลูกค้าสามารถเลือกลงทุนได้ ใช้เงินลงทุนขั้นต่ำเพียง 1 ล้านบาท แตกต่างจากบริษัทอื่นที่อาจจะใช้เงินถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ แต่ต้องยอมรับเรื่องไม่มีสภาพคล่อง นักลงทุนต้องถือลงทุนนาน 10-12 ปี แม้ว่ากองทุนนี้ได้ซื้อหุ้นนอกตลาดที่ลงทุนมาระยะหนึ่งแล้ว ประมาณ 5 ปี คาดว่าจะต้องถือลงทุนต่ออีกไม่เกิน 7 ปี เชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดี โดยไม่มีความเสี่ยงเรื่องอัตราแลกเปลี่ยนและไม่ต้องขออนุญาตในการนำเงินออกไปลงทุนยังต่างประเทศ

ปัจจุบันธนาคารกสิกรไทยร่วมกับลอมบาร์ดในการบุกเบิกและขยายธุรกิจไพรเวทแบงกิ้งในประเทศไทยเข้าสู่ปีที่ 5  มีลูกค้าที่มีสินทรัพย์สูงประมาณ 1.1 หมื่นคน มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการรวม 7.6 แสนล้านบาท ให้บริการทั้งเงินในประเทศ และคนไทยที่อยู่ต่างประเทศ รวมถึงการจัดการทรัพย์สินของครอบครัว ซึ่งมองเห็นทรัพย์สินที่ไม่มีการเคลื่อนไหวอยู่จำนวนมาก  เช่น ที่ดิน จึงมีการนำเสนอบริการให้นำมาจดจำนอง เพื่อแปลงเป็นเงินสำหรับการลงทุนที่ได้ผลตอบแทนอย่างมีนัยสำคัญ เมื่อเปรียบเทียบกับค่าธรรมเนียมที่ต้องจ่าย ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดี มีการนำที่ดินกว่า 1 หมื่นไร่ มาขอสินเชื่อถึง 4,000 ล้านบาท เต็มวงเงินที่ธนาคารกสิกรไทยกำหนดไว้แล้ว คาดว่ายังมีความต้องการอีกจำนวนมาก จึงขอเพิ่มวงเงินอีก 1.5 หมื่นล้านบาท สำหรับการให้บริการลูกค้าไพเวทแบงกิ้งในปีหน้า

นายจิรวัฒน์ กล่าวว่า การให้บริการไพเวทแบงกิ้ง กองทุนใหญ่ที่สุดของธนาคาร ให้ความสำคัญกับการลงทุนระยะยาว 60-70% ส่วนเรื่องผลตอบแทนขึ้นอยู่กับระดับความเสี่ยง ตัดการลงทุนในหุ้นตัวเดียว มีการนำเครื่องมือมาใช้ช่วยกระจายความเสี่ยง เพราะการยกระดับมาตรฐานบริการเรื่องการเงินการลงทุน ต้องสร้างความมั่นใจให้ลูกค้ามากกว่าการสร้างผลกำไรในระยะสั้น นอกจากลูกค้ายังสามารถเข้าถึงความรู้ในระดับโลก world class ทั้งจากลอมบาร์ด และคู่ค้าทางธุรกิจของไพเวทแบงกิ้งรวมถึงมีการจัดอบรมเพิ่มความพร้อมให้กับทายาทของลูกค้าด้วย ขณะเดียวกันยังสร้างผลตอบแทนที่ดี อาทิกองทุนที่มีนโยบายลงทุนแบบอนุรักษ์นิยม ให้ผลตอบแทน 7.87% ความเสี่ยงอยู่ที่ระดับ 5% ส่วนกองทุนที่มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้นเป็น 5.5% ให้ผลตอบแทน 9.25% ส่วนกองทุนอสังหาริมทรัพย์ให้ผลตอบแทน 12%

” เศรษฐีทั่วโลก รวมถึงในเอเชียมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ในส่วนประเทศไทยคาดว่าตั้งแต่ปี 2561-2566 จะเติบโตสูงถึง 26% ทั้งนี้เป็นข้อมูลจาก Knight Frank สำหรับจำนวนลูกค้าไพรเวทแบงกิ้งของกสิกรไทยคาดว่าจะเพิ่มขึ้นไม่น้อยกว่า 5% ต่อปี การตัดสินใจย้ายออฟฟิศมาย่านพร้อมพงษ์ เผยโฉมใหม่สุดเอ็กซ์คลูซีฟ หนึ่งในจุดยุทธศาสตร์ที่ลูกค้าต้องมาเป็นประจำ เพื่อรองรับลูกค้าที่จะเพิ่มขึ้นภายใน 4-5 ปีนี้ เชื่อมั่นในกลยุทธ์การมาอยู่ใกล้ชิดลูกค้า สามารถสร้างความสัมพันธ์ได้มากขึ้น ซึ่งตั้งแต่เปิดให้บริการลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้นชัดเจน แตกต่างจากออฟฟิศที่ตั้งอยู่ย่านพหลโยธิน” นายจิรวัฒน์กล่าว