รมว.พลังงานขีดเส้นปตท. แจงก.ย. สารพัดประโยชน์ OR เข้าตลาดหุ้น

HoonSmart.com>>รมว.พลังงาน สั่ง PTT เคลียร์ปม OR ตอบโจทย์อุ้มเศรษฐกิจฐานราก สร้างความมั่นคงด้านพลังงาน คาดชัดเจนใน ก.ย.ก่อนลุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ต้นปี 2563 ปตท.ใช้บริษัทย่อยซื้อ 2 บริษัทถ่านหินอินโดนีเซีย 356 ล้านบาท  เพิ่มปริมาณสำรอง 

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รมว.พลังงาน เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับนายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. (PTT) และผู้บริหารปตท.เมื่อวันศุกร์ที่ 16 ส.ค.ที่ผ่านมา มอบหมายให้จัดทำแผน เพื่อพิจารณาความเหมาะสมในการนำบริษัทปตท.น้ำมันและการค้าปลีก (OR) เข้าตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งจะต้องตอบโจทย์การสร้างความมั่นคงด้านพลังงาน การสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจฐานราก และความเข้มแข็งที่จะเป็นผู้นำในต่างประเทศ คาดว่าจะมีรายละเอียดที่ชัดเจนภายในเดือนก.ย. และหากไม่มีประเด็นติดขัด คาดว่าน่าจะสามารถเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯได้ในช่วงต้นปี 2563

” ถ้าตอบโจทย์ 3-4 ข้อนี้ได้ ผมก็ไม่ปฎิเสธเรื่องเข้าตลาด ต้องตอบให้ได้ว่าทำเพื่ออะไร เพื่อขยายธุรกิจ แต่ธุรกิจนั้นไม่ใช่เป้าหมายหลัก เพราะเราเป็นองค์กรที่แตกออกไปจากองค์กรของรัฐ จะต้องมีสิ่งที่เราจะต้องกลับมาเกื้อกูลสังคม เกื้อกูลเศรษฐกิจของประเทศไทย ซึ่งมิตินี้ในอดีตต้องบอกว่าเราไม่เห็นภาพอย่างนี้มากนัก “นายสนธิรัตน์ กล่าว

รมว.พลังงาน กล่าวว่า การจะนำโออาร์เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ต้องตอบโจทย์เรื่องความมั่นคงด้านพลังงานให้ได้ เพราะเป็นเรื่องสำคัญและปตท.เป็นหน่วยงานที่มีหน้าที่สร้างความมั่นคงเรื่องพลังงานของประเทศ นอกจากนี้จะต้องเป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจฐานราก และเป็นประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งการจะทำให้โออาร์มีความเข้มแข็งขึ้นก็ต้องยกระดับเป็นองค์กรที่จะต้องขยายการทำธุรกิจไปในต่างประเทศ และสามารถผลักดันเอสเอ็มอีของไทยให้เติบโตไปด้วยกัน  เช่นกรณีการนำสินค้าชุมชนเข้ามาขายในสถานีบริการน้ำมัน ตามโครงการ”ไทยเด็ด” ซึ่งในอนาคตอาจมีความร่วมมือกับสหกรณ์ต่าง ๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งในชุมชนและจะนำไปสู่การจัดตั้งร้านโคออป

นอกจากนี้ ยังต้องการให้โออาร์เข้าไปช่วยดูแลเพื่อผลักดันกลไกการซื้อขายปุ๋ยของเกษตรกรให้มีความเหมาะสม เพราะปัจจุบันกลไกซื้อขายปุ๋ยจะเป็นลักษณะที่เกษตรกรไม่มีทุนก็จะนำปุ๋ยมาใช้ก่อน เมื่อเก็บเกี่ยวผลผลิตก็เอามาหักราคาค่าปุ๋ย

ทางด้านบริษัทปตท. (PTT) แจ้งตลาดหลักทรัพย์ว่า บริษัทย่อยได้ซื้อหุ้น 100% ใน PT Sentika Mitra Persada (SMP) ทุนจดทะเบียน 57,804 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย และ PT Multiara Kapuas (MK) ทุนจดทะเบียน 21,883 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย ซึ่งทั้งสองบริษัทเป็นผู้ถือใบอนุญาตประกอบธุรกิจถ่านหินในประเทศอินโดนีเซีย มูลค่าการลงทุนรวม ประมาณ 11.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ คิดเป็นมูลค่าประมาณ 356 ล้านบาท

วัตถุประสงค์ในการซื้อครั้งนี้ เพื่อรักษาปริมาณสำรองถ่านหินให้กับกลุ่ม เนื่องจากปริมาณสำรองถ่านหินในแหล่งที่มีในปัจจุบันปรับลดลง รวมถึงสามารถเพิ่มศักยภาพในการปรับคุณภาพของถ่านหินจากเหมืองที่ผลิตในปัจจุบัน เพื่อให้ตอบสนองและตรงตามความต้องการของลูกค้าของกลุ่ม