ศาลปกครองกลาง ไม่รับคำขอ รฟท. รื้อคดี “โฮปเวลล์”

HoonSmart.com>>ปิดฉากคดี “โฮปเวลล์” ศาลปกครองกลาง ไม่รับคำขอ รฟท. ที่ให้รื้อคดี “โฮปเวลล์” เหตุไม่มีหลักฐานใหม่ที่มีผลให้ข้อเท็จจริงที่ยุติแล้วเปลี่ยนแปลงไป

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ศาลปกครองกลาง มีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ ในคดี ที่กระทรวงคมนาคม , การรถไฟแห่งประเทศไทย ( รฟท.)  ในฐานะผู้ร้อง และ บริษัท โฮปเวลล์ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้คัดค้าน ซึ่งคดีดังกล่าวศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 21 มีนาคม 2562 ให้บังคับตามคำชี้ขาดของอนุญาโตตุลาการ จากข้อพิพาท ที่ให้ผู้ร้องทั้งสองคืนเงินค่าตอบแทนที่ผู้คัดค้านชำระและใช้เงินในการก่อสร้างโครงการ พร้อมดอกเบี้ย ให้แก่ผู้คัดค้าน

ทั้งนี้ ศาลปกครองสูงสุด ได้มีคำพิพากษา ตามคำชี้ขาดคณะอนุญาโตตุลาการ ที่ให้กระทรวงคมนาคม โดย ร.ฟ.ท  จ่ายคืนเงินค่าก่อสร้าง และค่าใช้จ่ายอื่น ๆ แก่บริษัท โฮปเวลล์ รวม 11,888 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี

ผู้ร้องทั้งสองได้มีคำร้องยื่นต่อศาลปกครองกลางขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ โดยอ้างว่า ศาลปกครองสูงสุดรับฟังข้อเท็จจริงผิดพลาด และมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบและรวบรวมพยานหลักฐาน “กรณีโฮปเวลล์” ซึ่งหากได้พยานหลักฐานใหม่จะนำเสนอศาลปกครองสูงสุดต่อไป ทั้งโต้แย้งเรื่องความสามารถในการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าวในประเทศของผู้คัดค้านในขณะเข้าทำสัญญาพิพาท รวมทั้งอ้างว่า การที่ศาลปกครองสูงสุดมิได้ย้อนสำนวนให้ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยในประเด็นเนื้อหาแห่งคดี ถือว่าเป็นข้อบกพร่องในกระบวนการยุติธรรม

ศาลปกครองกลาง วินิจฉัยคำร้องขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่ ว่า ข้อเท็จจริงที่ผู้ร้องทั้งสองโต้แย้งประเด็นที่ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยเรื่องระยะเวลาการใช้สิทธิเสนอข้อพิพาทต่ออนุญาโตตุลาการ การเลิกกันของสัญญาพิพาท และการกลับคืนสู่ฐานะเดิมของผู้ร้องทั้งสองและผู้คัดค้าน มีลักษณะเป็นการโต้แย้งดุลพินิจในการพิพากษาคดี

ผลของคำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด สำหรับกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดมิได้ย้อนสำนวนให้ศาลปกครองชั้นต้นวินิจฉัยนั้น เป็นดุลพินิจของศาลปกครองสูงสุดที่จะวินิจฉัยข้อพิพาทตามคำอุทธรณ์ได้เอง ไม่มีบทกฎหมายที่บังคับให้ศาลปกครองสูงสุดต้องส่งคำพิพากษาของศาลปกครองชั้นต้น ที่ยังมิได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติแห่งกฎหมาย หรือระเบียบวิธีพิจารณาคดีปกครอง กลับไปให้พิจารณาพิพากษาใหม่ทุกกรณี

ทั้งคดีนี้ ศาลปกครองสูงสุดได้วินิจฉัยแล้วว่า คดีมีข้อเท็จจริงเพียงพอที่ศาลปกครองสูงสุดจะพิจารณาพิพากษาชี้ขาดคดีต่อไปได้ เพื่อประโยชน์แก่การพิจารณาพิพากษาคดี จึงไม่ถือว่ามีข้อบกพร่องสำคัญในกระบวนพิจารณาพิพากษาที่ทำให้ผลของคดีไม่มีความยุติธรรม

ส่วนข้อโต้แย้งเรื่องความสามารถของผู้คัดค้าน ในขณะเข้าทำสัญญาว่า เป็นการดำเนินการของคนต่างด้าวนั้น เอกสารหลักฐานดังกล่าวมิได้เป็นพยานหลักฐานที่ปรากฏขึ้นใหม่ อันมีผลทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้วเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ

ทั้งในขณะที่ยื่นคำขอให้พิจารณาคดีใหม่นี้ ผู้ร้องทั้งสองไม่มีพยานหลักฐานที่จะนำเสนอต่อศาลปกครองสูงสุด ซึ่งเป็นพยานหลักฐานใหม่ อันมีผลทำให้ข้อเท็จจริงที่ฟังยุติแล้วเปลี่ยนแปลงไปในสาระสำคัญ

คำขอให้ศาลพิจารณาคดีใหม่จึงไม่เข้าหลักเกณฑ์ตามมาตรา 75 วรรคหนึ่ง (1) และ (3) ประกอบวรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ. 2542 ศาลปกครองกลางจึงมีคำสั่งไม่รับคำขอให้พิจารณาคดีใหม่ไว้พิจารณา