แห่ซื้อรีท-อินฟรา-อสังหาฯ ฉุดยิลด์หด คัด 3 กองเด่น

HoonSmart.com>> บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ชี้นักลงทุนแห่ซื้อกองอสังหาฯ รีทและโครงสร้างพื้นฐาน ดันราคาพุ่ง ฉุดยิลด์เฉลี่ยเหลือ 5.02% มองกลุ่ม Retail น่าสนใจน้อยลง ถูกกระทบ Digital Disruption ชู “คลังสินค้า” ได้ผลดีอีคอมเมิร์ซ “อินฟราฯ” สื่อสาร สัญญาเช่ายาว แนะ 3 กอง DIF-AIMRIT-HREIT แนวโน้มโต

บริษัทหลักทรัพย์ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงมาอยู่ที่ 1.46% ซึ่งเป็นการลดลงอย่างต่อเนื่องจากปลายปี 2561 ที่ 2.51% จากแนวโน้มผลตอบแทนที่ลดลงอย่างมาก ทำให้ราคาหุ้นในกลุ่มกองทุนอสังหาริมทรัพย์ (Property Fund) ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน (IFF) ปรับเพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา และจากต้นปี 2562 ซึ่งราคาที่ปรับขึ้นมามาก ทำให้ผลตอบแทนกลุ่มเฉลี่ยลดลงมาอยู่ที่ประมาณ 5.02%

อย่างไรก็ตามมองว่ากลุ่ม Property Fund/REIT น่าจะยังเป็นที่พักเงินที่ค่อนข้างปลอดภัย จากเงินปันผลที่ยังค่อนข้างน่าสนใจ และจ่ายสม่ำเสมอ

“เราชอบกลุ่ม Industrial REITs ซึ่งผ่านจุดต่ำสุดมาแล้ว และน่าจะได้รับประโยชน์จากสงครามการค้าจีน-สหรัฐ และความคืบหน้าโครงการอีอีซี นอกจากนี้กลุ่มคลังสินค้าน่าจะได้ประโยชน์จากธุรกิจอี-คอมเมิร์ซซึ่งเติบโตอย่างก้าวกระโดด ส่วน Telecom Infrastructure Fund น่าสนใจเพราะรายได้มีความแน่นอน จากสัญญาเช่าระยะยาวกับผู้เช่ารายใหญ่ ทั้งยังมี trading liquidity สูง”บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส ระบุ

ส่วนแนวโน้มกลุ่ม Office ยังดีอยู่ในช่วง 1-2 ปีจากนี้แต่จะมีอุปทานเข้ามามากขึ้นตั้งแต่ปี 2564 ในขณะที่กลุ่ม Retail REIT น่าสนใจน้อยลงด้วยราคาที่ขึ้นมาแล้ว กอปรกับน่าจะได้รับผลกระทบในทางลบจาก Digital Disruption มากที่สุด

สำหรับกองทุนแนะนำมี 3 กองทุน ได้แก่ กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF) ราคาเป้าหมาย 19.40 บาท คาดผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้ 5.7% และปีหน้า 6.1% ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ เอไอเอ็ม อินดัสเทรียล โกรท (AIMIRT) ราคาเป้าหมาย 15.40 บาท คาดผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้ 5.7% และปีหน้า 6.3% และ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เหมราช (HREIT) ราคาเป้าหมาย 10 บาท คาดผลตอบแทนจากเงินปันผลปีนี้ 8.4% และปีหน้า 6.5%

ด้านน.ส.ธิดาศิริ ศรีสมิต รองกรรมการผู้จัดการ สายงานจัดการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กสิกรไทย จำกัด เปิดเผยว่า กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในช่วงที่ผ่านมาได้ปรับตัวขึ้นมามาก โดยได้รับอานิสงส์จากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ประกอบกับเศรษฐกิจโลกที่ยังคงชะลอตัวจากประเด็นสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน ส่งผลให้แนวโน้มดอกเบี้ยยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งเป็นผลดีต่อการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทนี้ อีกทั้งสินทรัพย์ดังกล่าวยังคงมีรายได้ที่สม่ำเสมอจากค่าเช่าอสังหาริมทรัพย์ และมีความผันผวนน้อยกว่าหุ้น

“การลงทุนในกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ของไทยและสิงคโปร์ มีอัตราจ่ายปันผลอยู่ที่ประมาณ 5% ซึ่งสูงกว่าตลาดโดยรวม บลจ.กสิกรไทย ยังคงมีมุมมองเชิงบวกต่อการเข้าลงทุน โดยมองว่าเป็นทางเลือกที่น่าสนใจภายใต้สภาวะตลาดที่มีความผันผวนในปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องติดตามประเด็นสงครามการค้า รวมถึงทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่จะส่งผลต่อการลงทุนในระยะยาว” นางสาวธิดาศิริ กล่าว

ด้านผู้จัดการกองทุนรายหนึ่ง กล่าวว่า ราคาหุ้นกลุ่ม Property Fund/REIT/IFF ปรับตัวขึ้นมามาก แนะนำนักลงทุนกระจายความเสี่ยงโดยการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ในต่างประเทศ เนื่องจากหุ้นกลุ่ม Property Fund/REIT/IFF ของไทยสภาพคล่องค่อนข้างน้อย โดยนักลงทุนสามารถเลือกลงทุนผ่านกองทุนรวม ซึ่งปัจจุบันมีให้เลือกหลายกองทุน

อ่านประกอบ

บลจ.กสิกรฯ ชูอสังหาฯ-รีทสตรองปันผล K-PROP กว่าพันล.

กองทุนกลุ่มธุรกิจอสังหาฯ ฮิต! ติดลมบน