BWHREIT จ่อ IPO ต.ค.นี้ ยิลด์ 8.5% ลงทุนโรงแรม ‘ภูเก็ต-สมุย-เขาใหญ่’

HoonSmart.com>> ทรัสต์ “บลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้” จ่อขาย IPO กลางเดือนต.ค.นี้ มูลค่า 4,420 ล้านบาท นำเงินลงทุนในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่า “โรงแรม” 3 แห่ง “ภูเก็ต-สมุย-เขาใหญ่” มั่นใจท่องเที่ยวไทยแกร่ง คาดผลตอบแทนปีแรก 8.5% พร้อมตั้งเป้าเพิ่มขนาดกองทุนแตะ 2 หมื่นล้านบาทปี 64 “บล.ดีบีเอสฯ” ชี้ผลตอบแทนสูงกว่า REIT ในตลาดเฉลี่ยอยู่ที่ 7%

นายรุ่งยศ จันทภาษา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บลูเวล แอสเซท จำกัด ผู้จัดการกองทรัสต์อิสระ เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างจัดตั้งทรัสต์กองแรกเพื่อเป็นทางเลือกใหม่แก่นักลงทุนชื่อ ทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าบลูเวล ฮอสพิทอลลิตี้ หรือ Blue Whale Hospitality Freehold and Leasehold Real Estate Investment Trust (BWHREIT) มูลค่า 4,420 ล้านบาท คาดว่าจะเสนอขายหน่วยลงทุนครั้งแรกในช่วงกลางเดือนต.ค.62

BWHREIT จะลงทุนครั้งแรกในกรรมสิทธิ์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ประเภทโรงแรม 3 แห่ง ในภูเก็ต เกาะสมุยและเขาใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในประเทศไทย ได้แก่ 1.กรรมสิทธิ์ในที่ดิน อาคารและอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ล รีสอร์ท และสวนน้ำ สแปลช จังเกิ้ล หาดไม้ขาว จ.ภูเก็ต เนื้อที่ประมาณ 57 ไร่ เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องพัก 455 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 ก่อนปรับปรุงและรีแบรนด์อยู่ที่ 46%

2.การลงทุนในสิทธิการเช่าช่วงที่ดิน อาคารและกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรม หรรษา สมุย รีสอร์ท แอนด์ สปา บนเกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี รวมเนื้อที่ประมาณ 5 ไร่ 2 งาน 9.5 ตารางวา เป็นระยะเวลา 20 ปี เป็นโรงแรมติดหาดระดับ 5 ดาว สไตล์ลักซูรี่ บริหารงานโดย บริษัท หรรษา กรุ๊ป มีห้องพักจำนวน 74 ห้อง อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 75%

3.สิทธิการเช่าที่ดิน อาคาร และกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับโรงแรมเดอะ กรีนเนอรี่ รีสอร์ท เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม KYCC ในจ.นครราชสีมา เนื้อที่ประมาณ 22 ไร่ เป็นเวลา 30 ปี เป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว มีห้องพัก 254 ห้อง และศูนย์ประชุมที่ใหญ่ที่สุดในเขาใหญ่รองรับผู้เข้าใช้บริการได้กว่า 5,000 คน บริหารงานโดย ซีนิคอล เวิร์ล อัตราเข้าพักเฉลี่ยในปี 2561 อยู่ที่ 54%

นายรุ่งยศ กล่าวว่า จุดเด่นของ BWHREIT คือ การกระจายการลงทุนในโรงแรมทั้ง 3 แห่ง ในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมที่หลากหลาย จับกลุ่มลูกค้านักท่องเที่ยวแตกต่างกัน สามารถลดความผันผวนของรายได้ในแต่ละฤดูกาล และสร้างความสมดุลให้กับพอร์ตการลงทุน โดยโรงแรมหรรษา สมุยเน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติชาวยุโรปเป็นหลัก และมีชาวอิสราเอล, จีน,ญี่ปุ่น ส่วนโรงแรมแลงแฮม สแปลช จังเกิ้ลและสวนน้ำ เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติที่มาท่องเที่ยวเป็นครอบครัว เช่น จีน,รัสเซีย,ออสเตรเลีย และ โรงแรมกรีนเนอรี่ เขาใหญ่ และศูนย์ประชุม เน้นตลาดไมซ์ที่เป็นกลุ่มลูกค้าคนไทยมาประชุมและสัมมนา

“แม้เศรษฐกิจโลกชะลอตัว แต่โรงแรมไม่ได้รับผลกระทบ โดยนักท่องเที่ยวยังเข้ามาพัก อย่างไรก็ตามจากการที่ธุรกิจโรงแรมขึ้นอยู่กับฤดูกาล ดังนั้น BWHREIT จึงมีการรับประกันรายได้ค่าเช่าจากโรงแรมแลงแฮมฯ และโรงแรมกรีนเนอรี่ เป็นเวลา 5 ปี ทำให้นักลงทุนสบายใจได้ ขณะเดียวกันคาดว่าโรงแรมแลงแฮมฯ จะเติบโตได้ดีหลังจากรีแบรนด์จบแล้ว จึงคาดการณ์ผลตอบแทนในปีแรก 8.50%”นายรุ่งยศ กล่าว

นอกจากนี้ BWHREIT มีการผสมการลงทุนในกรรมสิทธิ์ (Freehold) และสิทธิการเช่า (Leasehold) ที่เหมาะสมในสัดส่วน 57% และ 43% ตามลำดับ อีกทั้งกองทรัสต์จะให้เช่าทรัพย์สิน ที่มีส่วนประกอบทั้งค่าเช่าคงที่ที่เพิ่มขึ้น 2% ต่อปี และค่าเช่าแปรผัน เพื่อให้ผู้ถือหน่วยทรัสต์ได้รับผลตอบแทนที่สม่ำเสมอจากผลการดำเนินงานของโรงแรม รวมถึงโอกาสเติบโตจากศักยภาพการสร้างผลกำไรในอนาคตอีกด้วย

นายรุ่งยศ กล่าวอีกว่า แผนงานในอนาคตบริษัทฯ ตั้งเป้าเพิ่มขนาดกองทรัสต์ BWHREIT สูงเป็นอันดับหนึ่งในประเภทโรงแรม ในปีหน้ามีแผนลงทุนเพิ่มอีก 4-5 แห่ง จึงคาดว่ามูลค่าสินทรัพย์สุทธิของกองทรัสต์จะแตะ 1 หมื่นล้านบาทและในปี 64 ลงทุนต่อเนื่องอีก 5-6 แห่ง ส่งผลให้มูลค่าสินทรัพย์กองทรัสต์แตะ 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ศึกษาโรงแรมที่จะเข้าลงทุน 60 แห่ง ใน 7 จังหวัดท่องเที่ยว

นางภัทธีรา ดิลกรุ่งธีระภพ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน BWHREIT กล่าวว่า ในภาวะที่ตลาดหุ้นกำลังผันผวนทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ การลงทุนในทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ถือเป็นทางเลือกที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น และมีอัตราผลตอบแทนเฉลี่ยสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝากประจำหรือพันธบัตรรัฐบาล ปัจจุบันอยู่ที่ประมาณ 7% ถือเป็นเครื่องมือการลงทุนที่ได้รับความนิยม โดยเฉพาะนักลงทุนที่ต้องการรับผลตอบแทน ทั้งจากส่วนต่างของราคาหน่วยลงทุน (Capital Gain) และเงินปันผลที่สม่ำเสมอ

“กอง REIT ในตลาดปัจจุบันราคาทีปรับตัวเพิ่มขึ้น เนื่องจากซัพพลายน้อยกว่าดีมานด์ ทำให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนทั้งเงินปันผลและส่วนต่างราคา อีกทั้งยังมองว่าการมีกอง REIT อยู่ในพอร์ตการลงทุนทำให้เกิดความเสถียร ลดความผันผวน และกระจายความเสี่ยงให้กับพอร์ต ซึ่ง BWHREIT จะเป็นหนึ่งในกองทรัสต์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งให้ผลตอบแทนในปีแรกสูงถึง 8.50% ต่อปี สูงกว่าผลตอบแทนของกอง REIT ในตลาดที่เฉลี่ย 7% ต่อปี”นางภัทธีรา กล่าว

สำหรับวงเงินลงทุนครั้งแรกใน BWHREIT จะมีมูลค่าสูงสุดไม่เกิน 4,420 ล้านบาท โดยจะมาจาก IPO ประมาณ 3,850 ล้านบาท และกู้ยืมเงินจากสถาบันการเงินไม่เกิน 771.5 ล้านบาท โดยกองทรัสต์ประมาณการอัตราผลตอบแทนที่จ่ายให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ในปีแรกอยู่ที่ประมาณ 8.50% ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ได้นับหนึ่งแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกแล้วเมื่อวันที่ 10 ก.ย.2562

อ่านประกอบ

‘บลูเวล แอสเซท’ รุกธุรกิจกองทรัสต์อิสระ ประเดิมลงทุน 3 โรงแรมชั้นนำในไทย