ASP ลงทุน “สตาร์ทอัพอิสราเอล” กำไรดี บอกต่อลูกค้า

HoonSmart.com>> “เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์” เปิดกลยุทธ์การลงทุนในต่างประเทศ ชี้ธุรกิจ “สตาร์ทอัพ” ในประเทศ “อิสราเอล” น่าสนใจ ธุรกิจพัฒนารวดเร็ว มีศักยภาพการเติบโตสูง นักลงทุนทั่วโลกสนใจเข้าไปลงทุน เชื่อให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดี หลังบริษัทฯ เข้าลงทุนสร้างผลตอบแทนดีมาก

ก้องเกียรติ โอภาสวงการ

ดร.ก้องเกียรติ โอภาสวงการ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเซีย พลัส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (ASP) กล่าวว่า กระแสการลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพกำลังมาแรงต่อเนื่อง ช่วงหลายปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้เข้าไปลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพหลายแห่ง ซึ่งได้ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดี บริษัทฯ จึงได้จัดสัมมนา Investment in Digital Era ขึ้น เพื่อเปิดมุมมองกลยุทธ์การลงทุนในธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอลให้กับลูกค้ารายใหญ่ของเอเซีย พลัส เมื่อวันที่ 28 ส.ค. 2562 ที่ผ่านมา โดยมีลูกค้ารายใหญ่ที่เป็นกลุ่ม High Net Worth รวมทั้งทายาทและลูกค้าที่เป็นกลุ่มคนรุ่นใหม่ กว่า 130 คนเข้าร่วมงาน

“ในระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เราเองได้ไปลงทุนในสตาร์ทอัพของอิสราเอล ผลตอบแทนที่ได้ถือว่าดีมาก เรามองว่าธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอล ยังมีศักยภาพในการเติบโตได้อีก จึงมองว่าเป็นโอกาสดี ที่เราจะแชร์ข้อมูล กลยุทธ์การลงทุนให้กับลูกค้าของเรา เพื่อให้ลูกค้าได้มีทางเลือกในการลงทุนมากขึ้น”นายก้องเกียรติ กล่าว

นายก้องเกียรติ กล่าวว่า ธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอลน่าลงทุนมาก เนื่องจากอิสราเอลเป็นชาติแห่งสตาร์ทอัพ (Startup Nation) ซึ่งมีนโยบายที่สนับสนุนการสร้างนวัตกรรมใหม่ใหม่ ๆ จนขณะนี้กลายเป็นวัฒนธรรมของอิสราเอลไปแล้ว (Innovation Culture) และมีสตาร์ทอัพเกิดขึ้นใหม่ปีละประมาณ 1,000 แห่ง หรือในทุก ๆ 8 ชั่วโมง รวมทั้งถูกยกให้เป็นประเทศที่มีศักยภาพการเติบโตด้านนวัตกรรม เป็นอันดับ 1 ในปี 2562 จากการจัดอันดับประจำปีของ World Competitiveness Ranking

อิสราเอลยังมีเทคโนโลยีที่โดดเด่น มีคุณภาพด้านการคิดค้นทางวิทยาศาสตร์ และส่งเสริมการทำวิจัยและพัฒนา R&D เป็นศูนย์รวมของนวัตกรรม จะเห็นได้ว่ากว่า 350 ธุรกิจชั้นนำทั่วโลก มีศูนย์วิจัย พัฒนา และการผลิตอยู่ที่อิสราเอล และยังมีสตาร์ทอัพครอบคลุมหลายอุตสาหกรรม เช่น การเงิน สุขภาพ พลังงานทดแทน เทคโนโลยีเชิงอุตสาหกรรม และการเกษตร เป็นต้น

“บริษัทจากทั่วโลก เข้าไปลงทุนในอิสราเอลถึง 33% ซึ่งสูงกว่าการลงทุนของทั่วโลกที่มีสัดส่วน 20% ที่น่าสนใจมากคือ อิสราเอลมีมูลค่า Exit ในปีที่แล้ว สูงกว่าสหรัฐฯ เกือบเท่าตัว นั่นหมายความว่า คนลงทุนได้กำไรจากการขายเงินลงทุนมหาศาล”

ทั้งนี้ เศรษฐกิจของอิสราเอลนั้น ในปี 2561 มูลค่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) อยู่ที่ 370 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีอัตราการเติบโตของ Real GDP อยู่ที่ 3.3% ขณะที่ GDP per capita อยู่ที่ 37,986 เหรียญสหรัฐฯ สูงสุดเป็นอันดับที่ 20 ของโลก มีอัตราการว่างงานเพียง 4% ค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับประเทศที่พัฒนาแล้ว อิสราเอลจึงเป็นเป้าหมายการลงทุนของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ โดยมูลค่าการลงทุนโดยตรงในอิสราเอลปี 2560 อยู่ที่ 129 พันล้านเหรียญสหรัฐ

นายก้องเกียรติ กล่าวว่า เอเซีย พลัส กรุ๊ปฯ เป็นบริษัทแรกในกลุ่มธุรกิจการเงินที่บุกเบิก Venture Capital และ Private Equity ในธุรกิจสตาร์ทอัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกลุ่มเทคสตาร์ทอัพ (Tech startups) เนื่องจากเห็นว่ามีศักยภาพและโอกาสเติบโตสูง สำหรับเทคสตาร์ทอัพในอิสราเอล บริษัทได้เข้าไปลงทุนเมื่อช่วงหลายปีที่ผ่านมา ซึ่งผลตอบแทนจากการลงทุนถือว่าดีมาก หากประเมินจากราคาเสนอซื้อธุรกิจที่บริษัทเข้าไปลงทุนในขณะนี้ สูงถึง 2-8 เท่าตัวนับจากวันที่เข้าไปลงทุน

สำหรับเทคสตาร์ทอัพในอิสราเอลที่เอเซีย พลัส กรุ๊ปฯ เข้าไปลงทุน เช่น ธุรกิจฟินเทคที่ใช้เทคโนโลยี AI ในขั้นตอนอนุมัติการกู้ยืมเงินออนไลน์ ธุรกิจที่ให้บริการด้าน Cyber Security ด้าน Penetration test ซึ่งทำงานให้กับบริษัทชั้นนำของโลก ไม่ว่าจะเป็น Apple GE และ Google รวมทั้งลงทุนในกองทุน VC อิสราเอล โดยทั้งหมดนี้เอเซีย พลัส ยังคงถือหุ้นอยู่

“สิ่งที่เอเซีย พลัส ทำมาโดยตลอด คือการนำเสนอนวัตกรรมทางการลงทุนที่กระจายไปทั่วโลก เราต้องการเปิดตลาดใหม่ๆ เพื่อเสนอทางเลือกการลงทุนที่หลากหลายให้ลูกค้า เหมือนอย่างที่เราเองก็ทำและประสบความสำเร็จ อย่างตอนนี้ธุรกิจสตาร์ทอัพในอิสราเอล ถือว่าเป็นตลาดหนึ่งที่น่าสนใจมาก”นายก้องเกียรติ กล่าว