“บูทิค คอร์ปอเรชั่น” ขาย IPO 167 ล้านหุ้นเข้า mai ปีนี้

HoonSmart.com>> ก.ล.ต.นับหนึ่งไฟลิ่ง “บูทิค คอร์ปอเรชั่น” เตรียมขาย IPO 167 ล้านหุ้น เข้าตลาด mai ปีนี้ นำเงินลงทุนโครงการที่มีศักยภาพ จ่ายหนี้ “ที่ปรึกษา เอเซียพลัส” เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ชูเชี่ยวชาญธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รูปแบบสร้าง – ดำเนินงาน – ขาย (BOS) แนวโน้มเติบโตโดดเด่น

นายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บูทิค คอร์ปอเรชั่น (BC) ผู้เชี่ยวชาญในธุรกิจพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในรูปแบบสร้าง – ดำเนินงาน – ขาย (Build-Operate-Sell : BOS) อสังหาริมทรัพย์ประเภท โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ Commercial Real Estate (ได้แก่ศูนย์การค้า และอาคารสำนักงานให้เช่า) รวมทั้ง ให้บริการด้านบริหารจัดการอสังหาริมทรัพย์ เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) นับหนึ่งไฟลิ่ง BC แล้ว พร้อมเดินหน้าตามแผนเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ภายในปีนี้ โดยมี บริษัท ที่ปรึกษา เอเซียพลัส จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงิน และ บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด เป็นผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหุ้นสามัญเพิ่มทุน

ทั้งนี้ BC เสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 167 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1 บาท คิดเป็นไม่เกิน 33% ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและชำระแล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยปัจจุบันกลุ่มครอบครัวนายปรับชะรันซิงห์ ทักราล ถือหุ้นทางตรงและทางอ้อมสัดส่วนทั้งหมด 100% ภายหลังการเสนอขายหุ้นจะถือสัดส่วน 67%

สำหรับเงินที่ได้จากการระดมทุน ใช้ลงทุนโครงการที่มีศักยภาพในอนาคต ได้แก่ โครงการเชียงใหม่ Nimman 2-3, โครงการ Summer Point, โครงการโรงแรมบนถนนสุขุมวิท 16, โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์บนถนนสุขุมวิท 36 และโครงการกมลา 1-2 รวมทั้งนำไปจ่ายคืนหนี้สิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการประกอบกิจการ

ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่ระหว่างพัฒนา 8 โครงการ ได้แก่ โครงการวิลล่า 2 หาดป่าตอง จ.ภูเก็ต คาดเริ่มให้บริการไตรมาส 3/2562, โครงการศูนย์การค้าและสำนักงานให้เช่า Summer Point คาดเปิดบริการในไตรมาส 3/2563, โครงการโรงแรมเชียงใหม่ นิมมาน 2 ถ.ห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่ คาดเปิดในไตรมาส 1/2564, โครงการโรงแรมเชียงใหม่ นิมมาน 3 ถ.ห้วยแก้ว จ.เชียงใหม่ คาดเปิดในไตรมาส 4/2564, โครงการโรงแรม บนถนนสุขุมวิท 16 คาดเปิดใไตรมาส 2/2563, โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ บนถนนสุขุมวิท 36 คาดเปิดไตรมาส 1/2564, โครงการโรงแรมกมลา 1 บริเวณหาดกมลา จ.ภูเก็ต คาดเปิดให้บริการไตรมาส 3/2564, โครงการโรงแรมกมลา 2 บริเวณหาดกมลา จ.ภูเก็ต คาดเปิดภายในไตรมาส 2/2564

สำหรับผลประกอบการในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559 – 2561) มีรายได้รวม 250.9 ล้านบาท 486.7 ล้านบาท 556.2 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโตในปี 2560 ที่ 94% ในปี 2561 ที่ 14.3% ในงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2561 เทียบกับปี 2562 อยู่ที่ 431.3 ล้านบาท และ 675.9 ล้านบาท ตามลำดับ คิดเป็นการเติบโต 56.7%

รายได้หลักของ BC แบ่งเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย กำไรจากการขายโครงการ สัดส่วน 47.4% และ 52.3% ของรายได้รวม ในปี 2560 – 2561 ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2561 และ 2562 มีสัดส่วน 63.4% และ 77.3% ของรายได้รวมตามลำดับ เนื่องจาก ขายโครงการ Summer Hill และ Summer Hub Office เพิ่ม

อย่างไรก็ตาม ลักษณะการรับรู้รายได้และกำไรของบริษัทฯ จะเพิ่มขึ้นสูงเมื่อบริษัทฯ มีการจำหน่ายโครงการออก ดังนั้น เมื่อจำนวนโครงการที่พร้อมขายในมือมีปริมาณเพิ่มขึ้น บริษัทฯ สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนที่ดี จะสนับสนุนให้การรับรู้รายได้และกำไรของ BC ลดความผันผวนลงได้ โดยการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) เป็นการสร้างความเชื่อมั่น เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และโอกาสทำกำไรแก่บริษัท เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนในอนาคต

สำหรับสัดส่วนรายได้จากการดำเนินกิจการโรงแรมและศูนย์การค้า ในปี 2559 – 2561 อยู่ที่ 78.9%, 42.5% และ 41.6% ในงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2561 และ 2562 อยู่ที่ 29.8% และ 19.4% ของรายได้รวมตามลำดับ สัดส่วนรายได้จากการบริหาร ในปี 2559 – 2561 อยู่ที่ 15.5%, 8.7% และ 4.3% ในงวด 6 เดือนแรกของ ปี 2561 และ 2562 อยู่ที่ 3.6% และ 2.9% ของรายได้รวมตามลำดับ ส่วนที่เหลือเป็นรายได้อื่นๆ ของบริษัทฯ และบริษัทในเครือ รวมทั้ง ส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมค้า

ในปี 2561 BC มีกำไรสุทธิ 61.4 ล้านบาท เนื่องจากมีกำไรจากการขายศูนย์การค้า เรนฮิลล์ สุขุมวิท 47 และ โรงแรมไฮแอท เพลส ภูเก็ต ป่าตองจำนวน 233.4 ล้านบาท และ 288.5 ตามลำดับ ในงวด 6 เดือนแรกปี 2561 เทียบกับปี 2562 มีกำไร 156.7 ล้านบาท และ 348.5 ล้านบาทตามลำดับ เติบโต 122.4% จากการขายโครงการ Summer Hill และ Summer Hub และในงวด 6 เดือนแรกปี 2562 มีอัตรากำไรขั้นต้น 77.9% สูงกว่าปี 2560 และ 2561 เนื่องจากมีกำไรจากการขายโครงการและมีอัตรากำไรสุทธิ 31.6%

พร้อมกันนี้ BC มั่นใจว่า ด้วยความพร้อมในการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ ในรูปแบบ BOS โดยมีนโยบายคงการถือหุ้นในโครงการที่พัฒนาไม่น้อยกว่า 26% มุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพของมูลค่าทรัพย์สิน มีเป้าหมายอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน (IRR) ไม่ต่ำกว่า 15%

“เรามีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ BOS มีความโดดเด่นในการจัดหาพื้นที่ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ มาพัฒนาให้เกิดผลตอบแทนสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯ ชั้นในย่านสุขุมวิทตอนต้น และเมืองท่องเที่ยวที่สำคัญ เช่น พัทยา ภูเก็ต และเชียงใหม่ โดยหาผู้ร่วมลงทุนกับ BC ได้แก่ กลุ่มสถาบัน นักลงทุนรายใหญ่ กลุ่มบริษัทของครอบครัวที่มีเงินลงทุนและต้องการร่วมลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ ตั้งแต่เริ่มพัฒนา ไปสู่ขั้นตอนสุดท้าย เมื่อโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จจนพร้อมให้บริการ และมีกระแสเงินสดอย่างต่อเนื่อง จากนั้น จะจำหน่ายโครงการอสังหาริมทรัพย์ออกไปแก่ผู้ซื้อโครงการที่ต้องการดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์แต่ไม่มีศักยภาพในการพัฒนาโครงการด้วยตนเอง และหรือไม่ต้องการรับความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการ โดยการขายโครงการอสังหาริมทรัพย์แบ่งเป็น 2 รูปแบบ คือ 1. การขายหุ้นของบริษัทย่อย และ 2. การขายสินทรัพย์ของโครงการ ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้ซื้อโครงการเป็นหลัก จากนั้นทางบริษัทจะนำกำไรจากการขายโครงการที่ได้รับมาต่อยอด โดยลงทุนและพัฒนาโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการขายในระดับที่ไม่ต่ำกว่าที่ตั้งไว้ให้แก่ BC และจ่ายเป็นเงินปันผลแก่ผู้ถือหุ้น” ปรับชะรันซิงห์ กล่าว

ทั้งนี้ BC เตรียมเดินหน้านำเสนอข้อมูลขายหุ้นให้กับกองทุนและนักลงทุนสถาบัน ในช่วงต้นเดือนต.ค.2562 และจัดโรดโชว์พบนักลงทุนรายย่อยจังหวัดกรุงเทพฯ ในวันที่ 8 ต.ค.2562 มั่นใจ ธุรกิจมีแนวโน้มการเติบโตสูง และผลตอบแทนจากการลงทุนในระยะยาว จะสร้างความเชื่อมั่นให้นักลงทุนได้อย่างดีเยี่ยม