PRIME เตรียมลงทุน 1.5 พันลบ. ลุยโซลาร์ฟาร์ม 60 MW ในกัมพูชา

HoonSmart.com>> “ไพร์ม โรด เพาเวอร์” เผยบริษัทย่อยคว้าโครงการโซลาร์ฟาร์ม 60 เมกะวัตต์ ในกัมพูชา เตรียมงบลงทุน 1,525 ล้านบาท คาด IRR ประมาณ 8.3% ตลอดระยะเวลาสัญญาซื้อขาย 20 ปี พร้อมเดินหน้าลดทุน ลดพาร์ชดเชยขาดทุนสะสม

บริษัท ไพร์ม โรด เพาเวอร์ (PRIME) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อวันที่ 19 ก.ย.2562 มีมติให้เสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติให้บริษัท ไพร์ม โรด อัลเทอร์เนทีฟ จำกัด (PRA) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย เข้าลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินขนาด 60 เมกกะวัตต์ จังหวังกาปงชนัง ประเทศกัมพูชา มูลค่าสินทรัพย์ 1,525.96 ล้านบาท

ทั้งนี้ PRA ได้ร่วมการประกวดราคาสิทธิในการพัฒนา ก่อสร้างและดำเนินงานในโครงการฯ และได้รับแจ้งอย่างไม่เป็นทางการจากเจ้าของโครงการฯ ว่าเป็นผู้ประกวดราคาที่เสนอราคาต่ำที่สุด โดยจะได้รับสิทธิในการพัฒนาโครงการหลังจากการประกาศผลอย่างเป็นทางการและทำสัญญากับเจ้าของโครงการฯ โดย PRA คาดว่าจะเข้ารับหนังสือแจ้งให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคาจากเจ้าของโครงการฯ และทำสัญญาโครงการกับเจ้าของโครงการฯ พร้อมกับกระทรวงเหมืองแร่และพลังงาน (Ministry of Mines and Energy) ที่เป็นหน่วยงานตัวแทนของรัฐบาลประเทศกัมพูชาภายในไตรมาส 4/62

ภายหลังจากได้รับอนุมัติจากที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 15 พ.ย.2562 โดยก่อนที่จะทำสัญญาโครงการดังกล่าว PRA ในฐานะผู้เข้าประกวดราคาที่เสนอราคาต่ำสุดจะดำเนินการตามเงื่อนไขการพัฒนาโครงการโดยจะยื่นเอกสารในการจัดตั้งบริษัทย่อยในประเทศกัมพูชา (บริษัทพัฒนาโครงการ) ให้เสร็จภายใน 30 วัน หลังจากได้รับหนังสือรับรองการเป็นผู้ชนะการประกวดราคาอย่งเป็นทางการ โดย PRA จะถือหุ้นทางตรงและอ้อมในบริษัทย่อย 99.8%

บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถจัดหาใบอนุญาตตามเงื่อนการพัฒนาโครงการ เปิดการประกวดราคาสำหรับสัญญาจ้างเหมาก่อสร้างโครงการฯ และสามารถลงนามในสัญญากู้ยืมเงินเพื่อก่อสร้างโครงการในรูปแบบ Project Finance ได้ภายในไตรมาส 2/63 จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างโครงการฯ และทดสอบระบบจ่ายกระแสไฟฟ้าเพื่อให้ขายไฟฟ้าเชิงพาณิชย์ (COD) ได้ภายในไตรมาส 4/64 ให้กับการไฟฟ้าแห่งประเทศกัมพูชา ตลอดระยะเวลา 20 ปี

สำหรับเงินลงทุนดังกล่าวจะมาจากส่วนทุน 30% จะมาจากเงินหมุนเวียนที่มีอยู่ในบริษัท ส่วนอีก 70% จะมาจากเงินกู้โครงการในรูปแบบ Project Finance ซึ่งบริษัทจะเข้าทำสัญญาเงินกู้โครงการกับธนาคารหรือสถาบันการเงินแห่งหนึ่ง โดยมีวงเงินสินเชื่อสำหรับก่อสร้างโครงการเท่ากับ 1,068.17 ล้านบาท หรือ 34.96 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจากผลการศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่าโครงการจะมีอัตราผลตอบแทนการลงทุน (Project IRR) ประมาณ 8.3% ตลอดระยะเวลา 20 ปีของสัญญาซื้อขายไฟฟ้าระยะยาว

คณะกรรมการเห็นว่าการลงทุนครั้งนี้ จะสร้างมูลค่าเพิ่มในธุรกิจโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ให้แก่กลุ่มบริษัทได้อย่างครบวงจร ทำให้บริษัทมีศักยภาพในการแข่งขันและมีโอกาสจะขยายฐานการค้าไปที่อื่นได้อีกในอนาคต ตลอดจนเพิ่มรายได้และผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่องให้แก่กลุ่มบริษัท จึงเป็นการสร้างความมั่นคงในการดำเนินธุรกิจระยะยาว และเสริมความแข็งแกร่งในด้านการเงินของกิจการ ตลอดจนเปิดโอกาสในการลงทุนและพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนในประเทศกัมพูชาที่มีความต้องการการลงทุนเพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการใช้พลังงานภายในประเทศ อีกทั้งยังลดปริมาณการนำเข้าพลังงานไฟฟ้าจากประเทศเพื่อนบ้าน

นอกจากนี้คณะกรรมการบริษัท ยังอนุมัติการเปลี่ยนแปลงมูลค่าหุ้นที่ตราไว้ (พาร์) จากเดิมมูลค่าหุ้นละ 1 บาท เป็นมูลค่าหุ้นละ 2 บาท โดยทำให้ทุนจดทะเบียนยังคงเดิมที่ 25,514,280,600 บาท ด้วยการลดพาร์เหลือหุ้นละ 0.50 บาท เพื่อชดเชยขาดทุนสะสมจำนวน 2,165,616,000 และ ส่วนต่ำมูลค่าหุ้นจำนวน 10,863,481,000 บาท โดยภายหลังการลดทุน บริษัทจะคงเหลือผลขาดทุนสะสม 265,641,160 บาท