“ชนินทร์ เย็นสุดใจ” พันธกิจครั้งสำคัญ ปั้น STARK-BERKSHIRE ของเอเชีย

HoonSmart.com>>เปิดบทสัมภาษณ์ “ชนินทร์ เย็นสุดใจ” นักเทิร์นอะราวนด์ กับพันธกิจการสร้าง STARK เป็น Berkshire Hathaway ของเอเชีย 

หากเอ่ยชื่อ  “ชนินทร์ เย็นสุดใจ”  นักเทิร์นอะราวนด์  มือสางหนี้ ให้หลายกิจการขนาดใหญ่ ที่ประสบปัญหาการเงิน-การบริหารงาน ผลงานเป็นที่ประจักษ์ กับการฟื้นฟูกิจการธุรกิจในกลุ่มของ “ วิชัย ทองแตง”  เช่น บริษัท โรงพยาบาลพญาไท ขึ้นมาเป็น โรงพยาบาลชั้นนำของประเทศ เข้าเป็นพันธมิตรกับบริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ (BDMS)  ทำให้ชื่อของ “ชนินทร์” เป็นที่รู้จักกว้างขวางในตลาดทุน  และสางหนี้ให้อีกหลายกิจการทั้งบริษัทในตลาดทุนและนอกตลาดทุน

ปัจจุบัน เขายังมีตำแหน่งเป็น กงสุลกิตติมศักดิ์ของ สหพันธ์สาธารณรัฐประชาธิปไตยเอธิโอเปีย ประจำประเทศไทย  และการกลับเข้าสู่ตลาดทุนอีกครั้งในฐานะประธานกรรมการ บริษัท สตาร์ค คอร์ปอเรชั่น (STARK) ด้วยการเทคโอเวอร์และเข้าตลาดหลักทรัพย์ทางอ้อม ที่ใหญ่ที่สุด ด้วยมูลค่าทรัพย์สินที่ใส่เข้ามา 12,900 ล้านบาท

“ชนินทร์” เป็นลูกไม้ใต้ต้นของ พล.อ.ท.นพ.กิตติ เย็นสุดใจ คนดีศรีแพทย์ทหาร, อดีตประธานราชวิทยาลัยศัลยแพทย์ประเทศไทย, นายกแพทย์สมาคมแห่งประเทศไทย ฯลฯ นับเป็นบุคคลสำคัญทางการแพทย์ ที่มีผลงานมากมาย จึงไม่แปลกใจที่ “ชนินทร์” จะได้รับการถ่ายทอดด้านระดับไอคิว  142  เกินมาตรฐานทั่วไป 110-120

ตึกผลิตสายไฟ VCV แห่งเดียวในเอเชีย

สมัยเด็ก “ชนินทร์” ตามคุณพ่อไปเรียนที่อเมริกา ตั้งแต่ 4 ขวบ ทำให้เขาเรียนรู้เรื่อง “ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน” และกลับมาเรียนต่อที่เมืองไทย เรียนวิศวกรรมไฟฟ้าที่มหาวิทยาลัย พระจอมเกล้าธนบุรี  (บางมด) ระหว่างที่เรียนปี 1 ก็ไปสอบติดคณะบัญชี ม.ธรรมศาสตร์  จึงเรียนควบคู่กันไป แต่เลือกที่จะจบ ป.ตรีวิศวะบางมด ที่มีความรู้การเงินติดตัวด้วย

“ชนินทร์” บอกว่า เขาได้ความเคี่ยวจากแม่ ความเก่งจากพ่อ เห็นมิติมากกว่าคนอื่น ซึ่งการซื้อของเก่ง ซื้อแล้วมาทำเอง คนซื้อกับคนบริหาร เป็นคนเดียวกัน ซื้อแล้วไม่ทำอะไร ซื้ออะไรก็แพงหมด

การกลับมาแบบเงียบๆ ใน STARK ในฐานะผู้บริหารมืออาชีพ เมื่อ 4 ปีก่อน  ที่กลุ่ม “วนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ” ลูกชายคนโตของสี TOA  เข้าซื้อกิจการ  1 ก.ย. 2558 บริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ ของสหรัฐ ผู้ผลิตสายไฟเบอร์ 1 ของ เซาท์อีสต์ เอเชีย ด้วยกรรมวิธีทันสมัย ในสัดส่วน 75.66 %  และปี 2561 เพิ่มเป็น 99.28% จากการส่งออกเดิมที่ส่งอยู่ 3 ประเทศ กลายเป็น 30 ประเทศในปัจจุบันด้วยระยะเวลาไม่กี่ปี และด้วยยอดขายที่เติบโตทุกๆ ปี จาก 6,796 ล้านบาท ในปี 2559 เพิ่มเป็น กว่า 1 หมื่นล้านบาท ในปี 2561 ที่ผ่านมา และทำกำไรสุทธิ 309 ล้านบาท

การเข้าไปเยี่ยมชมโรงงาน เฟ้ลปส์ ดอด์จที่บางพลี จังหวัดสมุทรปราการ  บนเนื้อที่ 84 ไร่ เดิมและเพิ่มเติมอีก 30 ไร่ รวมแล้ว 114 ไร่ ณ โรงงานแห่งนี้ ถือเป็นแลนด์มาร์คของโรงงานผลิตแห่งนี้  ที่มีตึก VCV  สูงถึง 12 ชั้น ความสูงรวม 100 เมตร หรือเทียบเท่าตึก 33 ชั้น  เป็นตึกผลิตสายไฟฟ้าแรงสูง แห่งเดียวในประเทศไทย และในอาเซียน เป็นตึกสูง ที่ใช้ในกระบวนการผลิตสายไฟแรงสูง ที่เรียกว่า แบบ VCV

ขนาดสายไฟมีตั้งแต่เล็ก 1 มิลลิเมตร ไปถึงใหญ่สุด 18 เซ็นติเมตร สูงสุด 245 KV ขณะที่คู่แข่งทำได้เพียง 115 KV นอกจากการผลิตแล้ว โรงงานนี้ยังมี LAB ทดสอบสายไฟแรงสูงเอกชนที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย ลงทุนกว่า 50 ล้านบาท ทดสอบได้ถึง 1,800 KV, และรถ 18 ล้อ เคลื่อนที่ทดสอบสายไฟ คันเดียวในไทย

เมื่อซื้อ เฟ้ลปส์ ดอด์จ เข้ามาแล้ว การลงมือด้วยตนเอง มองหาตลาดใหม่ๆ บนพื้นที่ทั่วโลก ด้วยคอนเน็กชั่นที่มี คุณภาพสินค้า และบริหารจัดการต้นทุนที่ดีทำให้ เฟ้ลปส์ ดอด์จ สามารถส่งสายไฟไปขายยังอีกซีกโลกหนึ่งคือ ประเทศบราซิล, แอฟิกา ได้ และในอนาคตจะมีการส่งออกประเทศใหม่เพิ่มแน่นอนห้องแลบทดลองสายไฟฟ้าแรงสูง ลงทุนสร้างกว่า 50 ล้านบาท

มือตัดหนี้ บอกอีกว่า การเติบโตของ เฟ้ลปส์ ดอด์จ จะเติบโตปกติ  (ออแกนิกส์ โกรท)  จากธุรกิจที่ทำอยู่ , การผลิตสายไฟที่มีมาร์จิ้นสูง เช่น สายไฟสำหรับอากาศยาน , สายไฟโรบอท และสายไฟด้านการทหาร

นอกจากนี้  STARK จะตั้งป้อมปราการ ซื้อกิจการเข้ามาเพิ่มอาณาจักรการเติบโต หนีไม่พ้น 3 ธุรกิจ ที่อยู่ในชีวิตประจำวัน คือ ขนส่ง (โลจิสติกส์) บรรจุภัณฑ์  (แพคเก็จจิ้ง) และพลังงาน (ไฟฟ้า)

การตั้งป้อมซื้อกิจการเพื่อการเติบโตของ SATRK ไม่ต่าง อะไรกับบริษัท Berkshire Hathaway (BRK) ของ Warren Buffett มหาเศรษฐี นักลงทุน อันดับ 1 ของโลก ที่ซื้อ BRK จากเดิมทำธุรกิจสิ่งทอ หลังจากซื้อแล้วเปลี่ยนมาทำประกันภัย  เป็นโฮลดิ้งส์ เข้าลงทุนกิจการระดับโลก อาทิ  โคคา-โคล่า, วอลล์มาร์ท ค้าปลีกยักษ์ใหญ่ของสหรัฐ  ดังนั้น  เกมส์ธุรกิจของ STARK ก็ไม่ต่างกับที่ “ชนินทร์” กำลังจะปั้น STARK ให้เป็น Berkshire Hathaway ของเอเซีย 

เมื่อผู้บริหาร STARK ปักธงการเติบโตแบบก้าวกระโดด มาร์เก็ตแคปของหุ้น 4.4 หมื่นล้านบาท ในปัจจุบัน ที่มีคุณสมบัติขึ้น SET 50 ได้แล้ว ตกแค่ฟรีโฟลท์ ที่พยายามทำกันอยู่ แน่นอนว่า ในอีก 5 ปีจากนี้ หนีไม่พ้นที่มาร์เก็ตแคป จะวิ่งตามการเติบโตขึ้นสู่ 3 แสนล้านบาท ได้ไม่ยาก เมื่อถึงเวลานั้นหุ้น STARK ก็เข้าคำนวณดัชนี MSCI ไม่ยากเช่นกัน