MFC เร่งสร้างผลงานกองทุนติดแถวหน้า ตลาดผันผวนแนะ “หุ้นปันผล-รีท” เข้าพอร์ต

HoonSmart.com>> บลจ.เอ็มเอฟซี เดินหน้าปรับกระบวนการลงทุน หนุนผลงานติดแถวหน้า สร้างผลตอบแทนระยะยาวมั่นคง คาดปีหน้าเห็นผลชัดเจน ดึงเงินไหลเข้า มองแนวโน้มตลาดหุ้นผันผวนต่อเนื่อง ยังแนะนำเก็บหุ้นปันผล รีท เข้าพอร์ต เน้นกระจายเสี่ยงรับมือเหตุความผันผวน จ่อเปิดตัว กองทุนหุ้นปันผลในตลาดเอเชีย เดือนต.ค.นี้

สุเมธา ลิ่วเฉลิมวงศ์

นายสุเมธา ลิ่วเฉลิมวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ รองกรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี (MFC) เปิดเผยว่า หลังจากเข้ามารับตำแหน่งดูแลด้านการลงทุนประมาณ 6 เดือน ได้ปรับกระบวนการลงทุนและเพิ่มทีมผู้จัดการกองทุนที่มีความเชี่ยวชาญทั้งตราสารหนี้และตราสารทุนจนปัจจุบันมีผู้จัดการกองทุนประมาณ 30 คนและผู้จัดการกองทุนอสังหาริมทรัพย์อีก 10 คน ทำให้เจาะลึกหาหุ้นรายตัวที่มีแนวโน้มการเติบโต มีกระแสเงินสด ปันผลสม่ำเสมอและมีหนี้น้อย เพื่อสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนเติบโตระยะยาวมั่นคงและมีประสิทธิภาพ

“6 เดือนเราเน้นเรื่องการลงทุนเป็นหลัก และเริ่มเห็นผลมากขึ้น จากผลดำเนินงานกองทุนรวมที่ขยับเข้ามาอยู่ในกลุ่มควอไทล์ 1-2 แล้วประมาณ 75% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (AUM) เชื่อว่าในปี 2563 จะเห็นภาพชัดเจนขึ้นทั้งหมด ซึ่งจะช่วยสร้างความมั่นใจให้แก่ผู้ลงทุนได้ โดยการเติบโตไม่ได้มาจากเทรดหุ้น แต่มาจากการเฟ้นหาหุ้น วิเคราะห์เจาะลึกเพื่อหามูลค่าที่แท้จริงและมีระบบควบคุมความเสี่ยงที่เหมาะสม เน้นไม่หวือหวา แต่เพื่อสร้างผลตอบแทนระยะยาวอย่างมั่นคง”นายสุเมธา กล่าว

ทั้งนี้ นายสุเมธา ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง CIO ของบลจ.เอ็มเอฟซี เคยเป็นอดีตผู้จัดการกองทุนของกองทุนเทมเพิลตัน โดยเข้ามารับภารกิจในด้านการลงทุนซึ่งจะเน้นคุณภาพของกองทุนและสร้างผลงานของกองทุนให้ดีขึ้น โดยมีเป้าหมายในการนำเสนอเป็นกองทุนหลัก Flagship Fund ประมาณ 10 กองทุน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่แนะนำแก่นักลงทุน

สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจไทยเติบโตไม่ถึง 3% โดยคาดหวังรัฐบาลต้องเพิ่มมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อประคับประคองเศรษฐกิจ เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ยังเข้าสู่ระบบไม่ทันภายในปีนี้ และคาดว่าคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีโอกาสปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในปีนี้และปี 2563 เศรษฐกิจไทยมีโอกาสกลับมาดีขึ้นตามการลงทุนขนาดใหญ่

“ตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าดัชนีคงเคลื่อนไหวผันผวนอย่างต่อเนื่อง แต่หุ้นไทยยังยืนได้เพราะเม็ดเงินในตลาดมีมากทำให้มีสภาพคล่องดี P/E ปีนี้อยู่ที่ระดับ 15-16 เท่า กำไรบริษัทจดทะเบียนเติบโตประมาณ 7-8% ผลตอบแทนเฉลี่ยจากเงินปันผลสูงกว่า 4% เมื่อเทียบดอกเบี้ยเงินฝากเฉลี่ยประมาณ 1% กว่า โดยกลุ่มที่แนะนำให้หลีกเลี่ยง ได้แก่ อสังหาริมทรัพย์ เนื่องจากมองโอเวอร์ซัพพลายในตลาดมีมาก รวมถึงกลุ่มที่มีหนี้จำนวนมาก นักลงทุนต้องระมัดระวัง โดยให้เน้นหุ้นกลุ่มปันผล ได้แก่ กลุ่มสื่อสาร ค้าปลีกและกลุ่มท่องเที่ยว”นายสุเมธา กล่าว

นอกจากหุ้นปันผลที่ควรมีในพอร์ตการลงทุน เพราะสร้างผลตอบแทนได้สม่ำเสมอแล้ว การลงทุนในกองทุนรวมที่เกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ กองทุนโครงสร้างพื้นฐานยังน่าสนใจ รายได้เข้ากองทุนสม่ำเสมอและชัดเจนส่งผลให้ผลตอบแทนเงินปันผลเฉลี่ยประมาณ 4-5% ต่อปี

นายสุเมธา กล่าวว่า ในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทมีแผนออกกองทุนใหม่ 1-2 กองทุน โดยในช่วงเดือนต.ค.2562 บริษัทจะเปิดตัวกองทุนใหม่มีนโยบายลงทุนหุ้นกลุ่มปันผลในตลาดหุ้นเอเชีย ซึ่งต่อยอดจากกองทุนเปิดเอ็มเอฟซี ไฮ-ดิวิเดนด์ เน้นหุ้นกลุ่มปันผลในตลาดหุ้นไทย ที่ผ่านมาเงินปันผลเฉลี่ย 4% ไม่รวมกำไรจากการลงทุน ซึ่งได้รับความสนใจจากนักลงทุนจนขนาดกองทุนเพิ่มขึ้นแตะหมื่นล้านบาท และคาดว่าผลตอบแทนจากกองทุนหุ้นปันผลในตลาดหุ้นเอเชียจะน่าสนใจไม่แพ้กัน ส่วนกองทุนตรสารหนี้ยังเห็นโอกาสในการลงทุน โดยเฉพาะตราสารในเอเชีย แม้อัตราดอกเบี้ยปรับลดลง

ส่วนปี 2563 มีแผนออกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (REIT) ประมาณ 2-3 กองทุน เนื่องจากมองว่าการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสม่ำเสมอยังเป็นทางเลือกที่น่าสนในท่ามกลางความผันผวนและดอกเบี้ยต่ำ ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ซึ่งผลตอบแทนอยู่ในระดับที่น่าพอใจเช่นกัน