FETCO เผยพลังงานเด่นสุด โกลด์แมนแซคส์เพิ่มราคา PTT เป็น 55 บาท

HoonSmart.com>>สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเผยผลสำรวจนักลงทุน 3 เดือนข้างหน้า ดัชนีความเชื่อมั่นดีขึ้น 8.64% ยกหุ้นพลังงานน่าสนใจมากที่สุด โกลด์แมนแซคส์เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้น PTT  เป็น ซื้อ แถมราคาเป้าหมายจาก 50 บาท เป็น 55 บาท “ชาญศิลป์” ยอมรับปี 62 ปตท.กำไรลดลง มองข้ามปีหน้าสดใส ทิสโก้คาดไตรมาส 3 กลุ่มพลังงานมีโอกาสแย่กว่าคาด ราคาน้ำมัน-ส่วนต่างปิโตรเคมีลดลง แนะนำซื้อ SCC-PTTEP   

นายไพบูลย์ นลินทรางกูร ประธานกรรมการ สภาธุรกิจตลาดทุนไทย กล่าวว่า ดัชนีเชื่อมั่นนักลงทุนเดือนตุลาคม 2562 ผลสำรวจนักลงทุน 3 กลุ่มในอีก 3 เดือนข้างหน้า (ธ.ค.2562) เพิ่มขึ้น 8.64% จากเดือนก่อนหน้านี้จาก 102.74 เป็น 111.62 แต่ยังอยู่ในเกณฑ์ทรงตัว (Neutral) โดยนักลงทุนยังมองตลาดอยู่ในขาขึ้น ปัจจัยบวกจากความคาดหวังนโยบายการคลัง ตามด้วยภาวะเศรษฐกิจในประเทศและการไหลเข้าออกของเงินทุน

ส่วนปัจจัยที่ฉุดความเชื่อมั่นเป็นเรื่องความขัดแย้งทางการค้า เกรงว่าจะกระทบต่อภาวะเศรษฐกิจในภูมิภาคและผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน

“ไตรมาส 4 รอดูการนโยบายกระตุ้นของภาครัฐว่าจะสูงมากน้อยแค่ไหน ส่วนหมวดที่นักลงทุนเลือกว่าน่าสนใจมากที่สุดคือ พลังงานและสาธารณูปโภค ขณะที่ธุรกิจเหล็กไม่น่าสนใจมากที่สุด ” นายไพบูลย์ กล่าว

โกลด์แมนแซคส์เพิ่มน้ำหนักการลงทุนหุ้น PTT จากเท่ากับตลาด เป็น “ซื้อ” เพิ่มราคาเป้าหมายเป็น 55 บาท จากเดิมให้ไว้ 50 บาท ขณะที่นักวิเคราะห์ให้ราคาเฉลี่ย 51.16 บาท ส่วนใหญ่คือ 19 รายแนะนำซื้อ อีก  7 รายให้ถือ และ 3 รายให้ขาย

นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัทปตท. (PTT) เปิดเผยว่า แนวโน้มผลประกอบการของปตท.ในปี 2563 น่าจะดีกว่าปี 2562 ที่อาจจะชะลอตัวลงปีก่อน หลังจากครึ่งปีแรกลดลงและครึ่งปีหลังส่วนต่าง (สเปรด) ผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมียังคงทรงตัวจากครึ่งปีแรก ส่วนสเปรดผลิตภัณฑ์น้ำมันดีขึ้นบ้าง

” ปี2563 คาดว่ากลุ่มน้ำมันจะกลับมาเป็นปกติ จากข้อบังคับใหม่ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ที่กำหนดให้เรือเดินสมุทรใช้น้ำมันเตากำมะถันต่ำ 0.5% จากเดิม 3.5% มีผลตั้งแต่ต้นปี 2563 แต่ยังรอติดตามผลกระทบจากกรณีอังกฤษจะถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (Brexit) ที่จะเริ่มเห็นผลในเดือน ต.ค.-พ.ย.นี้ สุดท้ายจะส่งผ่านมายังเอเชีย แต่จะไม่มากนัก  ยังเชื่อว่าความต้องการใช้น้ำมันและปิโตรเคมีในแถบอาเซียนจะยังเติบโตอยู่”นายชาญศิลป์กล่าว

บล.ทิสโก้คาดแนวโน้มผลประกอบการกลุ่มพลังงานงวดไตรมาส 3/2562 มีโอกาสที่จะแย่กว่าคาด จากการลดลงของราคาน้ำมันและส่วนต่างปิโตรเคมี ขณะที่ส่วนต่างราคาน้ำมันดิบที่เพิ่มขึ้น และการปิดโรงกลั่น แต่ชดเชยบางส่วนได้จากค่าการกลั่นที่เพิ่มขึ้น

“เราคาดผลงานรวมของกลุ่มอยู่ที่  5.2 หมื่นล้านบาท ทรงตัวจากไตรมาส 2 แต่ลดลงถึง 35% จากระยะเดียวกันปีก่อน โดยมีกำไรปกติ  5.8 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 2% จากไตรมาส 2 แต่ลดลง 28% จากช่วงเดียวกันปีก่อน โดยเฉพาะอุตสาหกรรมพลังงานปลายน้ำฟื้นตัวยาก ธุรกิจปิโตรเคมีถูกกระทบจากราคาและอัตรากำไรที่ลดลง การปิดโรงกลั่นของ TOP และ IRPC จะทำให้โอกาสการฟื้นตัวลดลง โดยรวมแล้วผลประกอบการมีโอกาสลดลงจากผลขาดทุนจากสต็อก”บล.ทิสโก้คาด

สำหรับผลการดำเนินงานของ PTTEP คาดว่าไตรมาส 3 จะลดลง 23% จากไตรมาส 2 แม้ว่าจะมีการรวมสินทรัพย์ของ Murphy Oil ที่มาเลเซียเข้ามาในงบแล้วก็ตาม โดยยอดขายที่เพิ่มขึ้นถูกชดเชยด้วยต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นทำให้ปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เป็น 356 kboed ได้รับผลกระทบจากราคาเฉลี่ยที่ลดลงจาก 48 ดอลลาร์ เป็น 45 ดอลลาร์ และต้นทุนต่อหน่วยที่เพิ่มขึ้นจาก 31 ดอลลาร์ เป็น 32 ดอลลาร์

บล.ทิสโก้เลือก SCC เป็นหุ้นแนะนำ ซื้อ มูลค่าที่เหมาะสม 498 บาท และยังคงแนะนำให้ “ซื้อ” PTTEP มูลค่าที่เหมาะสม 148 บาท ส่วน PTT, TOP, IRPC, IVL และ PTTGC ให้ “ถือ” โดยยังคงมูลค่าที่เหมาะสม

ด้านบล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) แนะนำซื้อ PTTEP ราคาเป้าหมาย 159 บาท เท่ากับมูลค่าเหมาะสมที่บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ให้ไว้

ขณะที่บล.ซีจีเอ-ซีไอเอ็มบี แนะนำให้ถือ PTT ราคา 47.50 บาท และซื้อ IRPC มูลค่า 4.20 บาท