ฟิทช์จัดเครดิตหุ้นกู้ระยะยาว BAM ระดับ AA-(tha)

“ฟิทช์” จัดเครดิตหุ้นกู้ระยะยาว BAM วงเงินไม่เกิน 8 พันล้านบาท ระดับ AA-(tha) แนวโน้มเครดิตเป็นลบ สะท้อนแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกองทุนฟื้นฟูฯ นำเข้าจดทะเบียนตลาดหุ้น

บริษัท ฟิทช์ เรทติ้งส์ (ประเทศไทย) ประกาศให้อันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวแก่หุ้นกู้ ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) (BAM; AA-(tha)/ แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบ ) มูลค่ารวมไม่เกิน 8.0 พันล้านบาท ที่ ‘AA-(tha)’ โดยหุ้นกู้ดังกล่าวจะแบ่งเสนอขายเป็นชุด และจะมีอายุไม่เกิน 10 ปี ผู้ออกหุ้นกู้มีสิทธิที่จะทำการไถ่ถอนหุ้นกู้ได้หลังจากครบกำหนด 5 ปี นับแต่วันออกหุ้นกู้ ทั้งนี้วัตถุประสงค์ของการออกหุ้นกู้คือเพื่อใช้ในการดำเนินงานทั่วไปของบริษัทและชำระคืนเงินกู้ยืม

อันดับเครดิตของหุ้นกู้ดังกล่าวอยู่ในระดับเดียวกันกับอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวของ BAM เนื่องจากหุ้นกู้ดังกล่าวเป็นภาระผูกพันที่ไม่ด้อยสิทธิและไม่มีหลักประกันของบริษัท

อันดับเครดิตภายในประเทศของ BAM มีปัจจัยในการพิจารณามาจากการสนับสนุนจากภาครัฐ เนื่องจาก BAM มีสถานะเป็นรัฐวิสาหกิจ โดยมีกองทุนฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน (ซึ่งเป็นหน่วยงานของธนาคารแห่งประเทศไทย) เป็นผู้ถือหุ้นทั้งหมดในบริษัท BAM ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง ผ่านสิทธิประโยชน์ในด้านกฎเกณฑ์ เช่น การให้ตราสารหนี้ของบริษัทสามารถนับเป็นสินทรัพย์ที่มีสภาพคล่องของธนาคารพาณิชย์ได้และการได้รับการยกเว้นภาษี ซึ่งเป็นปัจจัยที่มีส่วนช่วยสนับสนุนความสามารถในการระดมเงินกู้ยืมและผลประกอบการของบริษัท

แนวโน้มอันดับเครดิตเป็นลบนั้นสะท้อนถึงแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BAM ของกองทุนฟื้นฟูฯ โดยการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ กระบวนการในการเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนของ BAM ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2557 ได้ดำเนินการเสร็จสิ้นแล้วเป็นส่วนใหญ่ แม้ว่ารายละเอียดของแผนการดังกล่าวและระยะเวลายังไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน แต่อย่างไรก็ตามแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวสะท้อนว่าภาครัฐไม่ได้มอง BAM ในฐานะองค์กรหลักของรัฐในระยะยาว นอกจากนี้ยังมีความเป็นไปได้ที่ BAM อาจจะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ในด้านกฎเกณฑ์อีกต่อไปหลังจากการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์

ปัจจัยที่อาจมีผลต่ออันดับเครดิตในอนาคต คือ การเปลี่ยนแปลงในโครงสร้างผู้ถือหุ้นน่าจะส่งผลกระทบในเชิงลบต่ออันดับเครดิตของ BAM โดยระดับของการเปลี่ยนแปลงในอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับระดับความสัมพันธ์ของบริษัทกับภาครัฐและสัดส่วนการถือหุ้นของภาครัฐในอนาคต การลดสัดส่วนการถือหุ้นของภาครัฐลงไปต่ำกว่า 50% และการยกเลิกสิทธิประโยชน์ในด้านกฎเกณฑ์อาจส่งผลให้อันดับเครดิตถูกปรับลดอับดับลงหลายอันดับ และปัจจัยในการพิจารณาอันดับเครดิตจะขึ้นอยู่กับระดับหนี้สินและฐานะทางการเงินโดยรวมของบริษัทในอนาคตด้วย

การยกเลิกแผนการลดสัดส่วนการถือหุ้นใน BAM และสัญญาณที่บ่งชี้ว่าภาครัฐจะยังคงให้การสนับสนุนในระยะยาว โดยการคงสัดส่วนการถือหุ้นใน BAM ไว้ในระดับเดิม รวมทั้งการคงผลประโยชน์ในด้านกฎเกณฑ์ที่เอื้ออำนวยต่อบริษัท อาจส่งผลให้แนวโน้มอันดับเครดิตถูกปรับเป็นมีเสถียรภาพและมีการทบทวนอันดับเครดิตภายในประเทศระยะยาวใหม่