‘กองทุน’ฟันกำไร-เข้าออกเร็ว

บลจ.เจอธุรกิจแข่งขันสูงขึ้น ต้องเร่งสร้างผลงาน แต่ตลาดหุ้นไม่เป็นใจ งัดกลยุทธ์ขยันซื้อๆขายๆ ทำกำไรจากราคาผันผวน และขายสมบัติเก่า ทิ้งหุ้นที่ลงทุนมานานแล้ว โกยกำไรก้อนโต เตือนสติรายย่อยหยุดฝันหวาน อย่าเข้าซื้อโดยหวังเป้าหมายราคาสูงๆเหมือนที่ผ่านมา

แหล่งข่าวจากบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เปิดเผยว่า ปี 2561 เป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยผันผวนสูง เนื่องจากนักลงทุนต่างชาติ และกองทุนในประเทศมองเป็นจังหวะขายทำกำไร หลังจากดัชนีตลาดหลักทรัพย์เป็นขาขึ้นสองปีติดต่อกัน(2559-2560) จึงไม่แปลกใจที่นักลงทุนต่างชาติทิ้งหุ้นไทยมากกว่า 1 แสนล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะขายออกอย่างต่อเนื่อง เพื่อไปหาโอกาสทำกำไรในตลาดอื่นแทน จึงมีความเป็นไปได้ที่ดัชนีหุ้นไทยมีโอกาสลงไปซื้อขายแถว 1,700 จุดหรือต่ำกว่านั้น

ขณะที่กองทุนในประเทศก็ต้องปรับกลยุทธ์การลงทุน ปีนี้ยอมรับว่าลงทุนยาก ตลาดหุ้นผันผวนสูง ต้องเข้าซื้อและขายออกเร็วกว่าปกติ เพื่อหาโอกาสในการทำกำไร และยังต้องเลือกขายหุ้นในพอร์ต ในส่วนที่ลงทุนมานานและได้กำไรจำนวนมากด้วย

สาเหตุสำคัญที่ทำให้บลจ.ต้องปรับนโยบายการลงทุนสำหรับปีนี้ เนื่องจากต้องการเร่งสร้างผลงาน เพราะภาวะการแข่งขันที่สูงมากขึ้น ทำให้ลูกค้าทุกระดับมีสิทธิเลือกใช้บริการบลจ.
โดยเฉพาะลูกค้ารายใหญ่ ทั้งกองทุนส่วนบุคคลและกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ โดยเฉพาะกองทุนสำรองเลี้ยงชีพของรัฐวิสาหกิจ ซึ่งให้ความสำคัญมากกับผลการดำเนินงาน รวมถึงความพร้อมของบุคคลากร โดยเฉพาะผู้จัดการกองทุน โดยพิจารณาถึงการลาออกบ่อยมากแค่ไหนด้วย

“ รัฐวิสาหกิจให้เวลาในการประเมินผลงานของบลจ.เพียง 2 ไตรมาส เท่านั้น หากบลจ.ใดสร้างผลตอบแทนของกองทุนสำรองเลี้ยงชีพต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน หรือดัชนีอ้างอิง ก็จะถูกยกเลิกสัญญา สร้างแรงกดดันในการบริหารพอร์ตของบลจ.เป็นอย่างมาก”แหล่งข่าวกล่าว

ส่วนอีกเหตุผลหนึ่งในการขายหุ้นของกองทุนในประเทศ และนักลงทุนต่างประเทศ คือ ธุรกิจมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ เช่น หุ้นพลังงานทดแทน ที่อนาคตไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดการณ์ก่อนหน้านี้ ส่วนหนึ่งเกิดจากนโยบายของภาครัฐมีความไม่แน่นอน จึงเป็นความเสี่ยงที่สูงมาก

ขณะเดียวกัน เทคโนโลยีของพลังงานทดแทนมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว การลงทุนต่อเมกะวัตต์ต่ำลง ทำให้ภาครัฐกำหนดราคารับซื้อไฟฟ้าลดลงอย่างต่อเนื่อง สวนทางกับราคาหุ้น ที่ดีดตัวขึ้นมาก จากความคาดหวังเรื่องแนวโน้มกำไรของบริษัทจดทะเบียนในกลุ่มนี้ เมื่อแรงขายหุ้นออกมามากและรวดเร็ว กดดันราคาทรุดลงแรง และคงเป็นไปได้ยากที่ราคาจะปรับตัวขึ้นไปถึงจุดสูงสุดหรือใกล้เคียงในเร็วๆนี้ ดังนั้นนักลงทุนไม่ควรเข้าไปเก็งกำไรหรือมีความหวังว่าราคาจะดีดกลับไปรุ่งเรืองเหมือนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ บลจ. บัวหลวง ยอมรับว่ากองทุนภายใต้การบริหารได้ขายหุ้นที่ลงทุนในบริษัท พลังงานบริสุทธิ์ (EA) โดยเป็นการขายเพื่อพอร์ต และขายทำกำไรตามปกติ หลังจากราคาพุ่งขึ้นค่อนข้างมากและมีกำไรร่วม 100%