บลจ.มองปี 63 ‘รีท-อสังหาฯ’ ยังเด่น ไทยพาณิชย์ให้เป้าหุ้น 1,700-1,800

HoonSmart.com>> 3 บลจ.มองลงทุนปี 63 สินทรัพย์ทางเลือก “รีท-อสังหาฯ-อินฟราฯ” ยังเด่น มีกระแสเงินสดรับ แม้ผลตอบแทนเงินปันผลลดลงเหลือ 4-5% แต่ยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก ท่ามกลางดอกเบี้ยต่ำ เศรษฐกิจโลกชะลอ แนะกระจายลงทุนหลายสินทรัพย์ บลจ.ไทยพาณิชย์ เชื่อสงครามการค้าลดแรงกดดันตลาดหุ้นปีหน้า ให้เป้าดัชนี 1,700-1,800 จุด “กรุงศรี” คาดกำไรบจ.โต 9% ดัชนี 1,732 จุด

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ไทยพาณิชย์ จำกัด กล่าวในงานสัมมนา SCB INVESTMENT FORUM 2019 หัวข้อ “จับทิศทางวางกลยุทธ์การลงทุน 2020” ว่า แนวโน้มเศรษฐกิจโลกในปี 2563 เติบโตในอัตราลดลง ส่วนดอกเบี้ยมีแนวโน้มทรงตัวหรือลดลง รวมทั้งมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ช่วงปลายปีหน้า ซึ่ง 3 สิ่งนี้เป็นปัจจัยระยะสั้นถึงระยะกลาง จึงมองสินทรัพย์ที่มีกระแสเงินสดรับคงที่ อย่างกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์ (รีท) กองทุนอสังหาริมทรัพย์และกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางเลือกยังจะได้รับความนิยม

“ตราบใดที่ดอกเบี้ยยังต่ำ เงินก็จะหาที่ลงทุน เหมือนในปีนี้ราคาหน่วยลงทุนของรีททั่วโลกปรับตัวเพิ่ม ทำให้ผลตอบแทนเงินปันผลเหลือประมาณ 4% แต่ยังสูงกว่าดอกเบี้ยเงินฝาก จึงได้รับความสนใจจากนักลงทุน”นายณรงค์ศักดิ์ กล่าว

ในส่วนของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังไม่มีตัวชี้ชัดว่าจะเข้าสู่ภาวะถดถอยและคาดว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 2-3 ครั้ง เพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจ

นายณรงค์ศักดิ์ กล่าวว่า สำหรับการลงทุนในตลาดหุ้นมองว่าจะได้รับแรงกดดันจากประเด็นสงครามการค้าลดลง เนื่องจากนายโดนัลด์ ทรัมป์ คงต้องทำทุกอย่างให้ชนะการเลือกตั้ง ขณะที่ตลาดหุ้นไทยมองว่าราคาไม่ได้ถูกหรือแพง แต่การลงทุนจะต้องเลือกซื้อรายกลุ่ม รายตัว โดยคาดว่าในช่วงที่เหลือของปีนี้ดัชนีคงยืนเหนือระดับ 1,600 จุดได้ และปีหน้ามองเป้าหมาย 1,700 -1,800 จุด

ส่วนกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) ซึ่งเป็นปีสุดท้ายให้สิทธิลดหย่อนภาษี เชื่อว่านักลงทุนยังคงลงทุนไม่น้อยไปกว่าเดิม

นายยุทธพล ลาภละมูล กรรมการผู้จัดการ บลจ.ภัทร กล่าวว่า การลงทุนในปีหน้า นักลงทุนควรลงทุนอย่างระมัดระวังและกระจายการลงทุนให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งรีท อินฟราฟันด์ ถือเป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่น่าสนใจจากกระแสเงินสดรับ ขณะเดียวกันการลงทุนในกองทุนรวมที่มีการจัดสรรพอร์ตการลงทุนในหลายสินทรัพย์ทั้งในและต่างประเทศ เป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่นักลงทุน

“เศรษฐกิจโลกชะลอตัว นักลงทุนอย่าคาดหวังผลตอบแทนที่สูงเหมือนในอดีต และควรมองทางเลือกลงทุนอื่นๆ นอกเหนือจากสิน

นางสุภาพร ลีนะบรรจง ประธานเจ้าหน้าที่กลุ่มการลงทุน บลจ.กรุงศรี กล่าวว่า กลยุทธ์การลงทุนในปีหน้า แนะนำกระจายการลงทุนในพอร์ตแบบสมดุล ซึ่งอาจมีการลงทุนเน้นดีเฟนซีฟและลงทุนเชิงรุกแบบแอคทีฟผสมกัน โดยกระจายลงทุนทั้งในและต่างประเทศ ส่วนอินฟราฟันด์และรีท ยังเป็นสินทรัพย์ที่น่าสนใจ แต่ผลตอบแทนเงินปันผลไม่ได้อย่างที่คาดหวัง ซึ่งจากเดิมรีทในไทย 6-7% ต่อปี อาจเหลือ 4-5% หลังจากเงินไหลเข้าไปลงทุนจำนวนมากทำให้ราคาหน่วยลงทุนเพิ่มขึ้นฉุดผลตอบแทนลดลง แต่ยังน่าสนใจเมื่อเทีบยเงินฝาก

นอกจากนี้การลงทุนในรีทจะต้องติดตามสถานการณ์การลงทุน เพราะหากภาพดอกเบี้ยเปลี่ยนทิศรีทจะถูกกระทบจึงต้องระมัดระวัง

ในส่วนของตลาดหุ้นปีหน้ามองตลาดหุ้นเกิดใหม่ มีแนวโน้มเติบโตได้ดีกว่าตลาดหุ้นประเทศพัฒนาแล้ว เนื่องจากราคาหุ้นปรับลดลงพอสมควร ขณะที่แนวโน้มการขยายตัวทางเศรษฐกิจยังไปได้

สำหรับตลาดหุ้นไทยในปีหน้าประเมินปัจจัยพื้นฐานมองเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1,732 จุด พี/อี 16 เท่า โดยคาดการณ์กำไรของบริษัทจดทะเบียนเติบโตที่ 9% ซึ่งกรณีดีที่สุดดัชนีมีโอกาสขึ้นสูงสุดที่ 1,780 จุด ส่วนปีนี้มองไว้ที่ 1,689 จุด ซึ่งภาวะเช่นนี้การลงทุนในหุ้นกลุ่ม Domestic Play ยังน่าสนใจเข้าลงทุน เพียงแต่ต้องเลือกหุ้นรายตัวที่แนวโน้มเติบโตได้ ปันผลสูง