KBANK กำไร 9,951 ลบ.โต 2.13% ไตรมาส 3 ขายหลักทรัพย์หนุน

HoonSmart.com>>ธนาคารกสิกรไทยได้รายได้ดอกเบี้ยสุทธิโต  326 ล้านบาทหรือ 1.27% และรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยมาช่วย ตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้น รองรับความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจ  9 เดือนกำไรเฉียด 3 หมื่นล้านบาท 

ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) เปิดผลประกอบการงวดไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 9,951ล้านบาท เพิ่มขึ้น 208 ล้านบาทคิดเป็น 2.13% จากที่มีกำไรสุทธิ 9,743 ล้านบาท รวม 9 เดือนปีนี้กำไรทั้งสิ้น 29,924 ล้านบาทลดลงจำนวน 1,502 ล้านบาท หรือ 4.77% จากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 31,426 ล้านบาท

นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า กิจกรรมทางเศรษฐกิจไทยในไตรมาส 3/2562 ยังไม่มีแรงหนุนเข้ามามากนัก ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นจำนวน 326 ล้านบาทหรือ 1.27% โดยมีอัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.34% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 2,139 ล้านบาทหรือ 15.68% ส่วนใหญ่เกิดจากการจำหน่ายหลักทรัพย์เพิ่มขึ้น อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิอยู่ที่ 42.52% โดยธนาคารมีการตั้งสำรองค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญเพิ่มขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา เมื่อพิจารณาจากปัจจัยต่างๆอย่างรอบคอบเพื่อให้สอดคล้องกับความไม่แน่นอนของภาวะเศรษฐกิจ

สำหรับผลงาน 9 เดือน ธนาคารมีรายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 4,051 ล้านบาทหรือ 5.54% ส่วนใหญ่เกิดจากรายได้ดอกเบี้ยรับของเงินให้สินเชื่อและเงินลงทุน จำนวน 2,753 ล้านบาท หรือ 6.20% ทำให้อัตราผลตอบแทนสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้สุทธิ (NIM) อยู่ที่ 3.34% ส่วนรายได้ที่มิใช่ดอกเบี้ยลดลงจำนวน 2,684 ล้านบาทหรือ 5.49% ส่วนใหญ่เป็นผลมาจากรายได้สุทธิจากการรับประกันภัยลดลง และการยกเลิกค่าธรรมเนียมการโอนเงินผ่านช่องทางดิจิทัล  อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานสุทธิอยู่ที่ 43.41%

ณ วันที่ 30 ก.ย. 2562 ธนาคารมีสินทรัพย์รวม  3,240,134 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2561 จํานวน 85,043 ล้านบาท หรือ 2.70% ส่วนใหญ่เป็นการเพิ่มขึ้นของเงินลงทุนสุทธิและเงินให้สินเชื่อ สําหรับเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพต่อเงินให้สินเชื่ออยู่ที่ระดับ 3.53% ขณะที่สิ้นปี 2561 อยู่ที่ระดับ 3.34% อัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินให้สินเชื่อด้อยคุณภาพอยู่ที่ระดับ 153.58% จากสิ้นปีก่อนอยู่ที่ระดับ 160.60% สําหรับอัตราส่วนเงินกองทุนทั้งสิ้นต่อสินทรัพย์เสี่ยงของกลุ่มธุรกิจทางการเงินตามหลักเกณฑ์ Basel III อยู่ที่ 19.10% โดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนชั้นที่ 1 อยู่ที่ 16.76%