เปิดตัวกองทุน “กรุงไทยก่อการดี” จ่อซื้อ 52 หุ้น ESG – GULF นำ

HoonSmart.com>> บลจ.กรุงไทย เปิดตัว 2 กองทุน ESG สานเจตนารมณ์สร้างสังคมยั่งยืน เน้นหุ้นใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคมและธรรมภิบาล 52 บริษัท บนดัชนี Thaipat ESG Index ชูผลตอบแทน 3 ปีย้อนหลังเฉลี่ย 7.9% ต่อปี สูงกว่าดัชนี SET Index เฉลี่ยอยู่ที่ 6.6% ต่อปี เปิดชื่อหุ้น 5 อันดับแรกมีน้ำหนักสูงสุดบนดัชนี GULF-BGRIM-GPSC-WHART-EGCO เปิดขายกองทุน “กรุงไทย ก่อการดี”ไอพีโอ 21-29 ต.ค.62

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) กรุงไทย (KTAM) เปิดเผยว่า บริษัทออกกองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี (KT-ESG) และ กองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการเลี้ยงชีพ (KT-ESGRMF) เป็นการสานเจตนารมณ์การสร้างสังคมยั่งยืน ที่มุ่งลงทุนบริษัทจดทะเบียนที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมภิบาล (ESG: Environmental,Social and Governance) โดยกองทุนจะใช้กลยุทธ์แบบ Passive เพื่อสร้างผลตอบแทนให้ใกล้เคียงกับดัชนีผลตอบแทนรวม อีเอสจีไทยพัฒน์ (Thaipat ESG Index :TRI) ซึ่งปัจจุบันมีจำนวน 52 บริษัท

 

“กองทุนจะกระจายลงทุนหุ้น 52 ตัวบนดัชนี Thaipat ESG Index ซึ่งปัจจุบันมีน้ำหนักลงทุนในกลุ่มการเงิน 17% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 16% กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ 14.8% เป็นต้น ขณะที่ผลตอบแทนรวมของกองทุนในช่วงที่ผ่านมาสูงกว่าดัชนี SET Index โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2562 ถึงวันที่ 18 ก.ย.2562 อยูที่ 10.2% ชนะดัชนี SET Index ที่มีผลตอบแทน 8.65% และผลตอบแทนย้อยหลัง 3 ปีเฉลี่ย 7.90% ต่อปี ขณะที่ SET Index เฉลี่ยอยู่ที่ 6.66% ต่อปี”น.ส.ชวินดา กล่าว

สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือกหุ้นของดัชนี อีเอสจี ไทยพัฒน์จะพิจารณาจากปัจจัยผลการดำเนินงานของบริษัทที่ต้องมีกำไรติดต่อกันสองรอบปีบัญชีล่าสุด รวมถึงผ่านการคัดกรองเรื่อง คุณสมบัติ ESG จาก สถาบันไทยพัฒน์ ที่จะต้องปลอดจากการกระทำความผิด โดยที่บริษัทหรือคณะกรรมการหรือผู้บริหารระดับสูงของบริษัทต้องไม่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กล่าวโทษหรือเปรียบเทียบปรับในรอบปีประเมิน รวมถึงมีการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) ที่เป็นธรรมและเหมาะสมเป็นไปตามที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดอีกด้วย จากทั้งหมดนี้จะได้ กลุ่มหลักทรัพย์ ESG100 หลังจากนั้นดัชนีจะทำการคัดกรองสภาพคล่องและจัดทำกลยุทธ์แบบ equal weighted index อีกครั้งและให้ทาง S&P Dow Jones indices เป็นผู้คำนวนและเผยแพร่ให้นักลงทุนทราบ

“การเปิดตัวกองทุน ESG ทั้ง 2 กองทุนนี้ เป็นการตอบโจทย์ให้แก่นักลงทุนที่ต้องการสร้างโอกาสรับผลตอบแทนในระยะยาวพร้อมกับการมีส่วนร่วมในการรับผิดชอบต่อสังคมอย่างยั่งยืนได้ ซึ่ง ESG นับได้ว่าเป็นกระแสที่มาแรงในธุรกิจปัจจุบันเพราะหลากหลายองค์กรทั่วโลกได้หันมาตื่นตัวและให้ความสนใจในการลงทุนแบบ Sustainable Success มากขึ้น นี่จึงถือเป็นโอกาสอันดีที่จะแสดงเจตจำนงค์ว่า บลจ. กรุงไทย หันมาให้ความสำคัญกับการลงทุนแบบ ESG อย่างเต็มตัว และอาจถือได้ว่าเป็นหัวใจหลักในกลยุทธ์การลงทุนในอนาคตด้วยเช่นกัน”นางชวินดา กล่าว

บลจ.กรุงไทยเชิญชวนนักลงทุนมาร่วมกันลงทุนในสิ่งที่ “ดีงาม” พร้อมกับเปิดโอกาสสร้างผลตอบแทนให้ ‘งอกเงย’ ไปพร้อมกัน โดยเริ่มต้นเพียง 1,000 บาทเท่านั้น มาร่วมยืนหยัดเพื่อสิ่งที่ยั่งยืนไปพร้อมกัน โดยกองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี มีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท เสนอขายครั้งแรก (IPO) ในวันที่ 21-29 ต.ค. 62 ส่วนกองทุนเปิดกรุงไทย ก่อการดี เพื่อการเลี้ยงชีพ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท คาด IPO กลางพ.ย.62


ด้านนายสมชัย อมรธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุนและลูกค้าสัมพันธ์ บลจ. กรุงไทย กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าดัชนี SET Index น่าจะแกว่งตัวตามปัจจัยภายนอกเป็นหลัก โดยสิ้นปีน่าจะปิดบริเวณ 1,700 จุด เนื่องจากมองว่าจะมีแรงซื้อจากกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF) และกองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ (RMF) ทำให้ดัชนีไม่ลงไปมาก

สำหรับแนวโน้มปี 2563 มองเป้าหมายดัชนีอยู่ที่ 1,800 จุด ตามภาพรวมเศรษฐกิจไทยที่คาดว่าจะดีขึ้นตามสถานการณ์ต่างประเทศ สงครามการค้าน่าจะคลี่คลายมากขึ้น รวมทั้งปัจจัยในประเทศจากงบประมาณปี 2563 เริ่มเข้ามาในระบบ รวมทั้งคาดการณ์กำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโต 8-9% โดยบริษัทยังแนะนำนักลงทุนให้กระจายการลงทุนไปยังหลายสินทรัพย์เพื่อกระจายความเสี่ยง ส่วนกลุ่มที่น่าสนใจ ได้แก่ กลุ่มส่งออกจากฐานปีนี้ที่ไม่ดี และปีหน้าคาดว่าจะฟื้นตัวและกลุ่มที่ได้รับประโยชน์จากการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน

“ภาพรวมเศรษฐกิจโลกยังไม่เข้าสู่ภาวะถดถอย เพียงแต่เศรษฐกิจเติบโตชะลอตัว เงินเฟ้อและดอกเบี้ยต่ำ พร้อมทั้งประเมินเศรษฐกิจไทยในปีหน้าเติบโต 3.4% จากปีนี้คาดโต 2.8% อัตราดอกเบี้ยน่าจะทรงตัว 1.50% หรือลดลง มาที่ 1.25% ส่วนค่าเงินบาทแข็งค่าประมาณ 30 บาท/ดอลลาร์สหรัฐฯ”นายสมชัย กล่าว