BCPG กำไร 401 ลบ. ลด 65% งวดปีก่อนบุ๊กขายโรงไฟฟ้า

HoonSmart.com>> ฺBCPG กำไรไตรมาส 3/62 เหลือ 401 ล้านบาท ลด 65% จากงวดปีก่อนบันทึกกำไรขายโรงไฟฟ้าให้กองทุนในญี่ปุ่นหนุน ด้านกำไรปกติยังโตใกล้เคียงปีก่อน งวด 9 เดือนกำไร 1,356 ล้านบาท ด้านบล.เอเซีย พลัส ชี้กำไรออกมาใกล้เคียงที่คาดไว้ ประเมินไตรมาส 4/62 กำไรปกติสูงสุดของปีนี้และดีต่อเนื่องปี 63 แนะนำ ซื้อ ราคาเป้าหมาย 21 บาท ปันผลทุกไตรมาสเฉลี่ยผลตอบแทน 3.6% ต่อปี

บริษัท บีซีพีจี (BCPG) มีกำไรสุทธิไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 401.19 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.20 บาท ลดลง 64.78% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 1,139.27 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.57 บาท ส่วนงวด 9 เดือน ปี 2562 กำไรสุทธิ 1,356.59 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.68 บาท ลดลง 29% จากงวดเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ 1,909.41 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 0.96 บาท

นายบัณฑิต สะเพียรชัย กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี (BCPG) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 3/2562 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติของบริษัทฯ ยังสามารถทรงตัวได้ในระดับสูง จากช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ลมลิกอร์” และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับองค์การทหารผ่านศึก (อผศ.) เต็มไตรมาส และรับรู้รายได้จากโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ “Nam San 3A” ในประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว เมื่อปลายเดือนก.ย.ที่ผ่านมา รวมถึงส่วนแบ่งกำไรจากโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานความร้อนใต้พิภพที่ดีขึ้นในประเทศอินโดนีเซีย มาชดเชยรายได้จากโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ นิคาโฮ (Nikaho) และ นากิ (Nagi) ในประเทศญี่ปุ่น ที่จำหน่ายเข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานไปเมื่อไตรมาส 3/2561

ทั้งนี้ หากเทียบกับไตรมาส 2/2562 กำไรสุทธิจากการดำเนินงานปกติอ่อนตัวลง สาเหตุหลักมาจาก โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ในประเทศไทยได้รับผลกระทบจากการเข้าสู่ช่วงฤดูฝน แต่โครงการอื่นทั้งในไทยและต่างประเทศ ได้รับผลบวกจากการเข้าสู่ช่วงฤดูกาลมาชดเชยบางส่วน อาทิ โครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม “ลมลิกอร์” ในประเทศไทย และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานลม ประเทศฟิลิปปินส์

ขณะที่ในช่วง 9 เดือนของปี 2562 กลุ่มบริษัทฯ มีกำไรสุทธิลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีการรับรู้กำไรพิเศษจากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานในประเทศญี่ปุ่น แต่หากเปรียบเทียบผลการดำเนินงานปกติของกลุ่มบริษัทฯเพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.0% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน

“การดำเนินงานในไตรมาส 3/62 ปีนี้ เป็นไปตามแผนรับรู้รายได้เต็มไตรมาสจากโครงการลมลิกอร์ที่จังหวัดนครศรีธรรมราช และโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ร่วมกับอผศ. 2 โครงการ ขณะเดียวกันเดินหน้าสร้างความเติบโตในธุรกิจหลักของบริษัทฯ ด้วยการเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ในลาว และรับรู้รายได้ตั้งแต่เดือนก.ย.ที่ผ่านมา การเข้าซื้อโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำในครั้งนี้นับเป็นการต่อยอดเทคโนโลยีการผลิตไฟฟ้าในรูปแบบใหม่ ที่มีความน่าสนใจ และการขยายฐานธุรกิจของบริษัทฯ ไปยังประเทศต่างๆ ครอบคลุมทั่วภูมิภาคเอเชีย ซึ่งนอกจากจะทำให้รายได้ของบริษัทฯ มีเสถียรภาพมากขึ้นแล้ว ยังเป็นการสร้างสมดุลของความหลากหลายของโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนของบริษัทฯ อีกด้วย” นายบัณฑิต กล่าว

บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส ระบุว่า BCPG กำไรออกมาใกล้เคียงที่คาดไว้ เป็นผลจากทั้งกำไรปกติที่ลดลงและรายการพิเศษขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน 8.3 ล้านบาท จากงวดปีก่อนกำไร 31 ล้านบาท

อย่างไรก็ตามระยะสั้นคาดกำไรปกติไตรมาส 4/2562 จะฟื้นตัวได้ดีจากไตรมาส 3/2562 มาอยู่ที่ราว 450-500 ล้านบาท สูงสุดของปีในรายไตรมาส หนุนจากการรับรู้โรงไฟฟ้า Nam San 3A เต็มไตรมาส รวมถึงโซลาร์ในไทยจะผลิตไฟได้สูงขึ้นตามฤดูกาลหลังจบฤดูฝนไปแล้ว ถึงแม้โซลาร์ญี่ปุ่นจะผลิตไฟได้ลดลงต่อ เนื่องจากเข้าสู่ฤดูหนาวซึ่งมีเมฆเยอะก็ตาม ประกอบกับส่วนแบ่งกำไรบริษัทร่วมคาดจะลดลงเล็กน้อย โดยเฉพาะโรงไฟฟ้าพลังลมที่จะได้รับแรงลมลดลงตามสถิติ ส่วนโรงไฟฟ้าความร้อนใต้พิภพคาดกำไรยังทำได้ทรงตัวจากไตรมาส 3/2562

นอกจากนี้หลังจากเดือน ก.ย. ที่ผ่านมา BCPG เข้าซื้อโรงไฟฟ้าพลังน้ำ Nam San 3A (69 MW) ทำให้ล่าสุดมีกำลังการผลิตในมือที่มีสัญญา PPA ทั้งสิ้น 561.6 MW (COD แล้ว 403.5 MW ) ดังนั้นจึงยังเหลืออีก 158.1 MW ที่ยังไม่ผลิตเชิงพาณิชย์ โดยในจำนวนนี้มีเพียง 1 โครงการที่ฝ่ายวิจัยรวมในประมาณการคือ โซลาร์ญี่ปุ่น Komagene 25 MW (COD 1H63) เนื่องจากมีความชัดเจนและกำลังก่อสร้าง ส่วนโครงการอื่นๆอีก 133.1 MW ยังอยู่ระหว่างพัฒนาซึ่งด้วยความล่าช้าที่เคยเกิดขึ้นในอดีต ภายใต้หลักความระมัดระวัง ฝ่ายวิจัยจึงไม่ได้รวมในประมาณดังที่เคยนำเสนอ

บล.เอเซีย พลัส แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสมสิ้นปี 2563 ท่ากับ 21.00 บาท/หุ้น ทิศทางกำไรจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นในไตรมาส 4/2562 ต่อเนื่องไปยังปี 2563 ที่จะเติบโตเพิ่มขึ้น และด้วยราคาหุ้น ณ ปัจจุบันมี upside เกือบ 17% ขณะที่ปันผลก็จ่ายทุกไตรมาส คิดเป็นผลตอบแทนเงินปันผลรวม 3.6% ต่อปี