BH กำไร 1,055 ลบ. ลดลง 6.55% สวนทางรายได้โต Q3/62

HoonSmart.com>>โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์รายงานผลงานไตรมาส 3 อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 23.7% มาอยู่ที่ 22% รายได้โตเล็กน้อย  มาจากผู้ป่วยต่างประเทศ 65.9% บล.ฟินันเซีย ไซรัส แนะซื้อ เป้า 170 บาท “เคจีไอ” มองต่างคาดกำไรปี 62 ไม่สดใส แนะเพียงถือ ให้ราคาเหมาะสม 160 บาท “เอเซีย พลัส” ไม่แนะนำลงทุน ราคาเหมาะสม 135.50 บาท

บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ (BH) เปิดเผยผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/2562 มีกำไรสุทธิ 1,055 ล้านบาท ลดลง 74 ล้านบาทหรือ 6.55% จากที่มีกำไรสุทธิ 1,129 ล้านบาทในช่วงเดียวกันปีก่อน และรวม 9 เดือนปีนี้ มีกำไรสุทธิ 2,862 ล้านบาท ลดลง 317 ล้านบาทจากระยะเดียวกันปีก่อนมีกำไรสุทธิ 3,179 ล้านบาท

สาเหตุที่ทำให้กำไรลดลงในไตรมาส 3 มาจากรายได้รวม 4,801 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.8% แต่อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 23.7% มาอยู่ที่ 22% เช่นเดียวกัน 9 เดือนปีนี้ รายได้รวมเพิ่มขึ้น 0.9% มาอยู่ที่ 13,883 ล้านบาท ขณะที่อัตรากำไรสุทธิลดลงจาก 23.1% มาอยู่ที่ 20.6%

อย่างไรก็ตาม หากไม่รวมรายการปรับปรุงที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียวจำนวน 146 ล้านบาท บริษัทมีกำไรสุทธิ 2,979 ล้านบาทและอัตรากำไรสุทธิเป็น 21.5%

ไตรมาส 3/2562 บริษัทมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลจํานวน 4,725 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.7% โดยหลักมาจากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยเพิ่มขึ้น 2.5 % และกลุ่มผู้ป่วยชาวต่างประเทศ 2.4% ทำให้รายได้มาจากกลุ่มผู้ป่วยชาวไทยสัดส่วน 34.1% และผู้ป่วยต่างประเทศคิดเป็น 65.9%

บริษัทหลักทรัพย์ฟินันเซีย ไซรัส ระบุว่า BH กำไรใกล้เคียงคาด อยู่ที่ 1,055 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 25% จากไตรมาสก่อน เพราะ high season แต่ลดลง 7% จากงวดปีก่อน เพราะรายได้ที่โตต่ำจากการแข่งขันสูงขึ้นและมีค่าใช้จ่ายด้านไอทีสูงขึ้น

“การเติบโตของ BH ยังอยู่ในระดับต่ำ เราคากำไรปีนี้ -3% ปีหน้า +3% แต่ราคาหุ้นที่ปรับลง 32% จากต้นปีทำให้ PE อยู่ที่ 22.6 เท่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยที่ 35 เท่าอยู่มาก จึงแนะนำซื้อ ราคาเป้าหมายปีหน้า 170 บาท”บล.ฟินันเซีย ไซรัส ระบุ

บล.เคจีไอ (ประเทศไทย) คาดว่าประมาณการกำไร BH ปี 2562 ยังมี downside อยู่ประมาณ 10% ในขณะนี้ ยังเป็นห่วงแนวโน้มการเติบโตระยะยาวของบริษัท เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศที่ยังอ่อนแอ เรายังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-63 เอาไว้ที่ 4.06 พันล้านบาท (-2.3% YoY) และ 4.34 พันล้านบาท (+6.9% YoY) ตามลำดับ

อย่างไรก็ตามยังคงคำแนะนำถือ เนื่องจากเชื่อว่า ราคาหุ้นได้สะท้อนแนวโน้มผลประกอบการที่อ่อนแอในระยะยาวไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยคงราคาเป้าหมายครึ่งปีแรกของปี 2563 เอาไว้ที่ 160 บาท

บล.เอเซีย พลัส มองแนวโน้มกำไรปี 2563 ทรงตัว ปัจจัยกดดันการเติบโตหลักๆ ยังคงเป็นภาพรวมเศรษฐกิจเติบโตต่ำ และคาดว่าจะยังคงใช้กลยุทธ์เดิมรักษาฐานรายได้ ขณะที่การแข่งขันแม้มีแนวโน้มรุนแรงขึ้นจากคู่แข่งรายใหม่ในปีหน้า เป็นอีกปัจจัยกดดันราคาหุ้นช่วงที่ผ่านมาด้วย

“ยังมองไม่เห็นการกลับมาเติบโต ปรับลด L/T Growth เหลือ 1% เท่าเงินเฟ้อเท่านั้น ราคาเหมาะสมปี 2563 ใหม่ที่ 135.5 บาท ยังไม่แนะนำให้ลงทุน”บล.เอซีย พลัส ระบุ