SHR  มั่นใจเทรดวันแรกราคาเหนือจอง ชูจุดเด่นหุ้นเติบโตระยะยาว

HoonSmart.com>>SHR  ลงสนามเทรดด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป ในตลาด SET วันแรก12 พ.ย.นี้ ผู้บริหารมั่นใจราคา เหนือจอง ที่ปรึกษา ฯ ชูเป็นหุ้นเติบโตดีในระยะยาว แจงครึ่งแรกปีนี้ไม่มีกำไร เหตุมีค่าใช้จ่ายพิเศษจากการซื้อกิจการและค่าใช้จ่าย IPO แต่จะบันทึกเพียงครั้งเดียว

นายแมนพงศ์ เสนาณรงค์ รองผู้จัดการ หัวหน้าสายงานการตลาดผู้ออกหลักทรัพย์ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ตลาดหลักทรัพย์ฯ รับ บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ( SHR ) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของสิงห์ เอสเตท ( S ) เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ วันที่ 12 พ.ย. 2562 ในหมวดการท่องเที่ยวและสันทนาการ ด้วยมูลค่าหลักทรัพย์ ณ ราคา IPO มูลค่า 18,687 ล้านบาท

สำหรับ SHR ประกอบ ธุรกิจโดยการถือหุ้นในบริษัท (Holding Company) ซึ่งประกอบธุรกิจหลักด้านการลงทุนและบริหารงานโรงแรมและรีสอร์ทระดับบนและระดับลักชัวรี่ ในแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมระดับโลก โรงแรมแห่งแรก คือโรงแรมสันติบุรี เริ่มดำเนินธุรกิจตั้งแต่ปี 2533

ปัจจุบัน SHR มีจำนวนห้องพักรวมทั้งสิ้น 4,647 ห้อง จากโรงแรมและรีสอร์ท จำนวน 39 แห่ง ใน 5 ประเทศ ได้แก่ ประเทศไทย สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส และ สหราชอาณาจักร ภายใต้การบริหารจัดการทั้งในรูปแบบการบริหารจัดการเอง และภายใต้แบรนด์โรงแรมที่มีชื่อเสียง อาทิ Hilton Hardrock และ Outrigger โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ยของแต่ละโรงแรม ณ 30 มิถุนายน 2562 อยู่ที่ 76%-79%

นายชัยรัตน์ ศิวะพรพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท (SHR )  กล่าวว่า มั่นใจเข้าซื้อขายวันแรก ราคายืนเหนือจอง 5.20 บาท ได้ เนื่องจาก นักลงทุนสถาบัน แสดงความสนใจในช่วงที่บริษัทเดินทางไปให้ข้อมูล (โรดโชว์) ทั้งในประเทศ ฮ่องกง และ สิงค์โปร์

อีกทั้งธุรกิจมีความหลากหลาย เช่น ช่วงไฮซีซั่นของไทยช่วงไตรมาส 4-1  ขณะที่ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ  ไฮซีซั่นไตรมาส 2 –  3 ทำให้รายได้ตลอดปีสม่ำเสมอ ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา

ด้าน ม.ล. ทองมกุฎ ทองใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล. เคที ซีมิโก้ ในฐานะแกนนำเสนอขายหุ้น SHR กล่าวว่า นักลงทุนจองซื้อล้น เนื่องจากมั่นใจในปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง รวมถึงศักยภาพการเติบโตของบริษัท

นายรวินทร์ บุญญานุสาสน์ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงานธุรกิจตลาดเงินตลาดทุน ธนาคารกรุงไทย ที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวว่า SHR จะซื้อขาย ด้วยเกณฑ์มาร์เก็ตแคป  เพราะครึ่งปีแรก / 2562 ผลประกอบการบริษัทฯ ยังไม่มีกำไร เกิดจาก 3 เหตุผลหลัก เพียครั้งเดียว คือ 1. ค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการเปิดโครงการใหม่ 2. ค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวกับการเตรียมตัวเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ และ 3. ค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ระยะสั้น (Bridge Loan) ที่เกิดจากการเข้าซื้อกิจการของ Outrigger

ตลอดระยะเวลา 3 ปี (59-61)  SHR มีการเติบโตของรายได้และกำไรสุทธิที่สูงต่อเนื่องมาโดยตลอด โดย 3 ปี รายได้และกำไรเติบโตกว่า 166.1% และ 135.5% ตามลำดับ หรือ มีรายได้รวมเติบโตเฉลี่ย 63.1% ต่อปี คือ ปี 2559 มีรายได้รวม 968.0 ล้านบาท  ปี 2560 รายได้รวมอยู่ที่ 1,074.0 ล้านบาท และปี 2561 รายได้รวม 2,575.7 ล้านบาท ตามลำดับ ซึ่งนั่นเป็นผลจากช่วงเวลาดังกล่าว SHR มีการซื้อกิจการอย่างต่อเนื่อง

ภายหลังการระดมทุนจากการขายไอพีโอแล้ว อัตราส่วน IBD/E ดังกล่าวของบริษัทฯ จะลดลงเหลือเพียง 0.5 เท่า ซึ่งถือว่าลดลงอย่างมากและอยู่ต่ำกว่านโยบายของบริษัทฯ ที่กำหนดไว้ ขณะที่มองว่า ราคาหุ้น IPO อยู่ที่ 5.20 บาท ซึ่งเท่ากับราคามูลค่าหุ้นทางบัญชีต่อหุ้น (Book Value per Share) ซึ่งแปลว่านักลงทุนมีโอกาสเข้าลงทุนในราคาเดียวกันกับบริษัท