STEC ดิ่ง 19 % พันสินบนข้ามชาติ โบรกฯ แนะช่วงสั้น “เลี่ยงลงทุน”

HoonSmart.com>>ตื่นขาย STEC ดิ่งหนักกว่า  22 %  หลัง ป.ป.ช. ฟันผู้บริหาร 2 คน พันสินบนข้ามชาติ โบรกเกอร์แนะ “เลี่ยง” ช่วงสั้น ด้าน “ภาคภูมิ” เอ็มดี STEC แจงยึดหลักธรรมาธิภาล  คดียังไม่ถึงที่สุด พร้อมสู้คดี

 

หุ้น STEC ถูกกระหน่ำเทขายออกมาอย่างหนักช่วงบ่ายของการซื้อขายวันที่ 13 พ.ย.ที่ผ่านมา ราคาลงไปลึกสุดของวัน 13.80 บาท ลดลง 4.10 บาท หรือ 22.91 % ก่อนเด้งขึ้นมาปิด 14.40 บาท ลดลง 3.50 บาท หรือ 19.55 %  มูลค่าซื้อขาย 3,590.07 ล้านบาท อันดับ 2 ของตลาด ขณะที่บล.เอเซียพลัส แนะนำ “เลี่ยง” การลงทุนระยะสั้น

มูลเหตุของการเทขายหุ้น มาจากผลกระทบข่าวที่แพร่สะพัดออกมาว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิดพัวพันรับสินบนบริษัทข้ามชาติ

โดยวันนี้ ( 13 พ.ย.)  นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสํานักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า ที่ประชุม คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติชี้มูลความผิดเจ้าหน้าที่ของรัฐ 4 ราย กรณีร่วมกันเรียกรับเงินจํานวน 20 ล้านบาท จากบริษัทสัญชาติญี่ปุ่น ที่รับว่าจ้างก่อสร้างโรงไฟฟ้าขนอม จังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ใช้ ท่าเทียบเรือชั่วคราวบริเวณโรงไฟฟ้า ตลอดจนให้เรือลําเลียงเข้าเทียบท่าเพื่อขนถ่ายชิ้นส่วนของเครื่องกําเนิดไฟฟ้า โดยไม่ชอบ และชี้มูลความผิด STEC   รวมถึงผู้บริหาร ระดับสูงของบริษัทฯ อีกสองราย  ในฐานเป็นผู้สนับสนุนเจ้าหน้าที่ของรัฐ ทั้งสี่รายในการกระทําความผิด ดังกล่าว

นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ STEC ชี้แจงตามที่มีข่าว ป.ป.ช. ได้ชี้มูลความผิด บริษัท ฯ และผู้บริหารระดับสูงบางคน ว่า บริษัทฯ ได้ให้ความช่วยเหลือสนับสนุนในการกระทำความผิดของเจ้าหน้าที่รัฐ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้เรือลำเลียงชิ้นส่วนอุปกรณ์ก่อสร้างโรงไฟฟ้าจากต่างประเทศเข้าเทียบท่าเทียบเรือชั่วคราวนั้น ขอยืนยันว่า บริษัทฯ มีนโยบายดำเนินธุรกิจตามหลักธรรมาภิบาล  ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือสนับสนุน การทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกรูปแบบ และมีมาตรการป้องกันปราบปรามการทุจริตภายในองค์กรอย่างเข้มงวด ตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี

บริษัทฯ มั่นใจว่า สามารถชี้แจงแสดงหลักฐานโต้แย้งการถูกกล่าวหาข้างต้นได้ โดยยืนยันต่อสู้จนถึงที่สุด ซึ่งการชี้มูลความผิดของป.ป.ช. เป็นเพียงการสืบสวนความในขั้นต้นเท่านั้น ยังไม่ถือเป็นที่สุด จึงไม่อาจถือได้ว่าบริษัทฯ เป็นผู้มีส่วนสนับสนุนในการกระทำผิดใด ๆ ทั้งสิ้น และตราบเท่าที่ยังไม่มีคำพิพากษาของศาลจนถึงที่สุด บริษัทฯ  ยังคงมีสถานะเป็นผู้บริสุทธิ์

หากผู้ใดนำความไปบิดเบือนว่าบริษัทฯ กระทำผิดความผิด หรือมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริตใด ๆ ก็ตาม บริษัท ฯ จำเป็นต้องดำเนินการทางกฎหมายแก่บุคคลที่จงใจทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหายในกรณีนี้