CPF ดีเกินคาด กำไร 6,062 ลบ.ไตรมาส 3 เติบโต 23%

HoonSmart.com>>เจริญโภคภัณฑ์อาหาร  เปิดยอดขายไตรมาส 3 ปี 2562 จำนวน 132,597 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 6%  หากไม่รวมผลกระทบจากเงินบาทแข็งค่า การปรับใช้มาตรฐานบัญชีใหม่ จะเพิ่มขึ้น 8%  ส่วนกำไรสุทธิอยู่ที่ 6,062 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 23%  

นายประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร (CPF) กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทในไตรมาส 3 ปี 2562 ที่ไม่นับรวมผลกระทบจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นและการปรับใช้มาตรฐานบัญชี TFRS 15 เพิ่มขึ้น 8% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน  มาจากกิจการในต่างประเทศสัดส่วน 67% รายได้จากการดำเนินธุรกิจในประเทศไทย 27% และรายได้จากการส่งออกสินค้าจากประเทศไทย 6% ของยอดขายรวม ซึ่งบริษัทมีกลยุทธ์ที่จะมุ่งเน้นการเติบโตและขยายตลาดในประเทศที่มีศักยภาพในการเติบโต และมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขายในต่างประเทศและส่งออกเป็น 80% ของยอดขายรวมในอีก 5 ปีข้างหน้า

กำไรสุทธิในไตรมาส 3 /2562 เพิ่มขึ้น 23% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวจากภาวะล้นตลาดของสุกรในประเทศไทยทำให้ราคาเฉลี่ยหมูขุนปรับตัวเพิ่มขึ้น และธุรกิจสัตว์น้ำต่างประเทศมีผลดำเนินงานที่ดีขึ้น รวมทั้งการขายเงินลงทุน

ทั้งนี้ การระบาดของโรคอหิวาต์แอฟริกาในสุกร หรือ ASF ในหลายประเทศทำให้คาดว่าปริมาณสุกรของโลกลดลง ส่งผลให้ราคาสุกรปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งภาวะดังกล่าวอาจต่อเนื่องเป็นเวลาหลายปีเนื่องจากผู้ประกอบการที่ได้รับผลกระทบจากการเกิดโรคระบาดยังไม่สามารถกลับมาเลี้ยงสุกรได้ทันที ประกอบกับการกลับมาทำฟาร์มเลี้ยงสุกรอีกครั้งจะต้องใช้เงินลงทุนเพิ่มขึ้นจากการสร้างระบบการจัดการความปลอดภัยทางชีวภาพที่มีประสิทธิภาพดีเพียงพอที่จะสามารถป้องกันสุกรจากโรคระบาดได้

ปัจจุบันราคาสุกรในประเทศเวียดนามสูงขึ้นมาอยู่ที่ประมาณ 57,000-60,000 ดองต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 75-78 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยของไตรมาส 3/2562  อยู่ที่ 38,422 ดองต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 50 บาทต่อกิโลกรัม และราคาสุกรขุนปัจจุบันในประเทศจีนอยู่ที่ประมาณ 28-38 หยวนต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 121-164 บาทต่อกิโลกรัม เพิ่มขึ้นจากราคาเฉลี่ยของไตรมาส 3 ปี 2562 ซึ่งอยู่ที่ประมาณ 22 หยวนต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 95 บาทต่อกิโลกรัม

นายประสิทธิ์ กล่าวถึงผลการดำเนินงานในอนาคตว่า ปีนี้บริษัทจะมีผลประกอบการตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยในไตรมาส 4   น่าจะได้รับผลดีจากราคาสุกรที่ปรับตัวอยู่ในระดับที่สูงกว่าปี 2561  ส่วนในปี 2563 คาดผลประกอบการจะปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องตามกลยุทธ์การขยายงาน แนวทางการเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจ และภาวะตลาดของธุรกิจที่ปรับตัวดีขึ้นด้วย