‘บัวหลวง’ ชี้เก็งกำไร DW คึกคัก แนะเทรดอิงหุ้นค่าเสื่อมเวลาสั้นลงลดเสี่ยง

HoonSmart.com>> “บล.บัวหลวง” เผยตลาด DW คึกคัก นักลงทุนเทรดสนั่นเดือนต.ค.สัดส่วนพุ่งเป็นประวัติการณ์ พบถือครอง DW อิงหุ้นรายตัวค่าเสื่อมเวลาสูงขึ้น แนะถือสั้นลง ลดผลกระทบต้นทุนถือครองและลดความเสี่ยง เตือนศึกษาข้อมูลก่อนเทรด พร้อม Cut Loss รักษาเงินต้นหากมองผิดทาง ด้าน DW01 กอดแชมป์ผู้ออกที่มียอดถือครองสูงสุดต่อเนื่อง

นายบรรณรงค์ พิชญากร กรรมการผู้จัดการ กิจการค้าหลักทรัพย์ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) บัวหลวง (BLS) ในฐานะผู้ออกและเสนอขาย DW01 ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในตลาด เปิดเผยว่า นักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์ (Derivative Warrant : DW) เพิ่มขึ้นต่อเนื่องและมีแนวโน้มถือครอง DW อ้างอิงหุ้นรายตัวสูงขึ้น โดยสัดส่วนถือครอง DW อ้างอิงหุ้นรายตัว ณ สิ้นเดือน ต.ค.2562 สูงถึง 80% ของ DW ทั้งระบบ แม้สัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย DW อ้างอิงหุ้นรายตัว ในเดือน ต.ค.2562 มีสัดส่วนเพียง 33.5% ของ DW ทั้งระบบเท่านั้น อีกทั้งพบถือครอง DW อ้างอิงหุ้นรายตัวที่มีค่าเสื่อมเวลาสูงขึ้น สะท้อนต้นทุนการถือครองของนักลงทุนในการเทรด DW ที่สูงขึ้น จึงแนะนำนักลงทุนถือครอง DW ให้สั้นลง เพื่อลดผลกระทบจากต้นทุนการถือครอง

“จากข้อมูลเราพบว่าค่าเสื่อมเวลาเฉลี่ยของ DW อ้างอิงหุ้นรายตัวที่นักลงทุนถือครอง ณ สิ้นเดือน ต.ค.2562 เท่ากับ 1.21% ต่อวัน ซึ่งสูงขึ้นเมื่อเทียบสิ้นเดือน ม.ค. 62 อยู่ที่ 0.82% ต่อวันเท่านั้น อีกทั้งจำนวน DW อ้างอิงหุ้นรายตัวรุ่นที่มีค่าเสื่อมเวลาสูงกว่า 1% ต่อวัน คิดเป็นสัดส่วนสูงถึง 58.76% ของจำนวน DW อ้างอิงหุ้นรายตัวทั้งระบบ ซึ่งถือเป็นสัดส่วนที่สูงที่สุดตั้งแต่ต้นปี”นายบรรณรงค์ กล่าว

นอกจากนี้ค่าเสื่อมเวลาที่สูงขึ้นยังสะท้อนถึงอัตราทดของ DW ที่สูงขึ้นด้วย ซึ่งหมายถึงโดยรวมแล้วนักลงทุนมีพฤติกรรมถือครอง DW อ้างอิงหุ้นรายตัวที่มีระดับความเสี่ยงและผลตอบแทนที่สูงขึ้น ดังนั้นหากนักลงทุนคาดการณ์ผิดทางต้องมีวินัยตัดขาดทุนเพื่อรักษาเงินต้นไว้ ซึ่งการปรับพฤติกรรมการเทรด DW และการถือครอง DW ให้สอดคล้องกับลักษณะของ DW ที่กำลังลงทุนถือเป็นสิ่งจำเป็นที่สามารถทำให้การลงทุน DW มีประสิทธิภาพดีขึ้นได้ในระยะยาว

สำหรับภาพรวมการซื้อขาย DW ในเดือนต.ค.2562 ยังคงได้รับความนิยมจากนักลงทุนเข้ามาเก็งกำไรจำนวนมาก สะท้อนจากสัดส่วนมูลค่าการซื้อขาย DW ต่อหลักทรัพย์ทั้งระบบสูงถึง 15.0% ซึ่งสูงสุดในประวัติการณ์ ด้วยมูลค่าการซื้อขาย DW เฉลี่ยต่อวันอยู่ที่ 7,734.5 ล้านบาท สำหรับหุ้นอ้างอิงในกลุ่มอุตสาหกรรมที่ซื้อขายสูงสุด 3 อันดับแรกอยู่ในกลุ่มดัชนีหลักทรัพย์ 66.7% กลุ่มพลังงานและสาธารณูปโภค 15.4% และกลุ่มธนาคาร 2.7% รวมทั้งมีสัดส่วนการลงทุนใน Put DW สูงถึง 47.9% ซึ่งสอดคล้องทิศทางดัชนีที่ปรับตัวลงในเดือนที่ผ่านมา

ส่วน DW ที่ได้รับความนิยมสูงสุดยังคงเป็น DW อ้างอิง SET50 ซึ่งมีสัดส่วนการซื้อขายสูงถึง 66.5% ของการซื้อขาย DW ทั้งอุตสาหกรรม โดยซื้อขาย DW ประเภท Put เป็นสัดส่วนสูงถึง 58.2% ของมูลค่าซื้อขาย DW ที่อ้างอิงกับดัชนี SET50 Index ทั้งระบบ ขณะที่อันดับ 2 และ 3 เป็น DW อ้างอิงหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า นำโดยหุ้น GPSC และ GULF หลังราคาหุ้นทั้งสองบริษัท ปรับตัวเพิ่มขึ้นตั้งแต่ช่วงต้นเดือนต.ค.ทำจุดสูงสุดใหม่ในเดือนนี้ นักลงทุนจึงเข้ามาเก็งกำไรใน DW ประเภท Call จำนวนมาก โดย DW อ้างอิงหุ้น GPSC มีสัดส่วนการซื้อขาย 4.5%

ส่วนอ้างอิงหุ้น GULF มีสัดส่วนการซื้อขาย 4.0% ซึ่งนับเป็นเดือนที่ 9 ติดต่อกันที่ DW อ้างอิงหุ้น GULF ได้รับความนิยมเป็นอันดับต้นๆ จากนักลงทุนในการเทรด DW อ้างอิงหุ้นรายตัว

สำหรับจำนวน DW ที่ซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์มีจำนวน 2,020 รุ่น ซึ่งเป็นตัวเลขสูงสุด แบ่งเป็น Call DW 1,564 รุ่นและ Put DW 456 รุ่น ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นเดือน ก.ย. 62 มีจำนวน 1,829 รุ่น แบ่งเป็น Call DW 1,422 รุ่นและ Put DW 407 รุ่น โดยมีหลักทรัพย์อ้างอิงเพิ่มขึ้น 1 ตัว ได้แก่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC)

ในขณะที่หลักทรัพย์บัวหลวงเป็นผู้ออกที่มีจำนวน DW สูงสุดในระบบจำนวน 354 รุ่น คิดเป็น 17.52% ของจำนวน DW ทั้งระบบ แบ่งเป็น Call DW 225 รุ่นและ Put DW 129 รุ่น และมีจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงให้เลือกคิดเป็น 71.43% ของจำนวนหลักทรัพย์อ้างอิงที่มีทั้งหมดในอุตสาหกรรม DW นอกจากนี้หลักทรัพย์บัวหลวงยังครองแชมป์ด้วยการเป็นผู้ออกที่มียอดการถือครอง DW สูงสุด ในระบบเป็นอันดับ 1 ของอุตสาหกรรมที่ 37.8% และมีส่วนแบ่งการตลาดเมื่อคิดจากมูลค่าการซื้อขายสะสมในเดือน ต.ค.2562 อยู่ที่ 34.6%