BAM ขาย 15.50-17.50 บาท สูงกว่าบุ๊ก ชู ROA-ROE-กำไร-ปันผล เด่น

HoonSmart.com>>บริษัทบริหารสินทรัพย์ กรุงเทพพาณิชย์ (BAM) กำลังเสนอขายหุ้นให้ประชาชนครั้งแรก (IPO) จำนวนไม่เกิน 1,765 ล้านหุ้น ตั้งราคาเบื้องต้นหุ้นละ 15.50-17.50 บาท  พาร์หุ้นละ 5 บาท คิดเป็นสัดส่วนราคาต่อกำไรต่อหุ้น ( P/E) ประมาณ 11 เท่าและสัดส่วนราคาต่อมูลค่าหุ้นทางบัญชี(P/BV) อยู่ที่ประมาณ 1.53-1.73 เท่า สูงกว่าราคาแบงก์ใหญ่  เช่น  SCB,BBL,KBANK  ที่ซื้อขาย P/E ไม่ถึง 10 เท่า และ P/BV ต่ำกว่า 1 เท่า ได้ เป็นเพราะ…

“ทองอุไร ลิ้มปิติ” ประธานกรรมการ  บริษัทบริหารสินทรัพย์กรุงเทพ นำทีมผู้บริหารและผู้จัดการการจัดจำหน่าย ตัวแทนจำหน่ายหุ้นนำเสนอข้อมูลการเสนอขายหุ้นต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) เมื่อวันที่ 22  พ.ย.ที่ผ่านมาว่า เชื่อมั่นในศักยภาพในการดำเนินธุรกิจและการเติบโตในระยะยาว  เพราะ BAM เป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศ เมื่อพิจารณาจากมูลค่าสินทรัพย์ที่มีมากกว่า 1 แสนล้านบาท และยังมีส่วนแบ่งการตลาดอันดับหนึ่ง  สัดส่วน 47.3% ของมูลค่ารวมของอุตสาหกรรม 2.27 แสนล้านบาท ทิ้งห่างอันดับสอง คือ บริษัทบริหารสินทรัพย์ สุขุมวิท ที่มีมาร์เก็ตแชร์อยู่ที่ 18.9 % และบริษัทบริหารสินทรัพย์ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทยที่  10.8%

ที่สำคัญ BAM มีประสิทธิภาพในการดำเนินงานดีขึ้น เมื่อพิจารณาอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE)  ที่เพิ่มขึ้นจาก 12 % ขึ้นมาอยู่ที่ 15.24%  และอัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA) อยู่ที่ 5.68% ณ สิ้นเดือนก.ย. 2562 ดีกว่า 3 แบงก์ใหญ่ที่ทำ  ROE ได้ไม่ถึง 10% ROA ได้ประมาณ 1-2 %เท่านั้น

นอกจากนี้ BAM ยังมีอัตรากำไรสุทธิสูงถึง 53%  หรือมากกว่าเท่าตัว เมื่อเปรียบเทียบกับ 20% เศษ ของธนาคารทั้ง 3 แห่ง และบริษัทยังมีกระแสเงินสดสม่ำเสมอ ปีละ 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท  และในช่วงผลการดำเนินงาน 3 ปีที่ผ่านมา (ปี 2559-2561) บริษัทมีการจ่ายเงินปันผล 80%, 97% และ 60% ตามลำดับ สูงกว่านโยบายการจ่ายปันผลในอัตราไม่น้อยกว่า 40% ของกำไรสุทธิ

BAM  สามารถสร้างผลงานได้โดดเด่น เพราะรูปแบบของธุรกิจแตกต่างกับธนาคารพาณิชย์  บริษัทซื้อสินทรัพย์ด้อยคุณภาพ(NPLs) และทรัพย์สินรอการขาย (NPAs) ในระบบสถาบันการเงิน ราคาต่ำมาบริหารจัดการร่วม 20 ปี มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง ส่วนการไม่เป็นรัฐวิสาหกิจหลังการเสนอขายหุ้นเข้าตลาดหลักทรัพย์ ต้องเสียภาษีนิติบุคคลครั้งแรก  คาดอัตรา 20% และอันดับความน่าเชื่อถืออาจจะลดลงเล็กน้อย แต่นักลงทุนรับรู้ผลกระทบแล้ว จากการขายหุ้นกู้  2 หมื่นล้านบาทเมื่อต้นปี อายุ 1 ปีครึ่งถึง 15 ปี ได้ดอกเบี้ยต่ำเฉลี่ย 2.3-3.9% เท่านั้น

นอกจากนี้บริษัทยังมีโอกาสสร้างกำไรสูง  ทั้งนี้ ณ วันที่ 30 ก.ย. 2562 บริษัทซื้อลูกหนี้ NPLs มาโดยมีอสังหาริมทรัพย์เป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน พบว่าราคาประเมินของหลักทรัพย์อยู่ที่  195,554 ล้านบาท สูงกว่า 2.4 เท่าของมูลค่าทางบัญชีที่ 79,136 ล้านบาท   และราคาประเมินของ NPAs เท่ากับ 54,467 ล้านบาท สูงกว่ามูลค่าทางบัญชีกว่า 2.3 เท่า หรือที่มีอยู่ 23,245 ล้านบาท   ทั้งนี้ NPLs จะมีการประเมินมูลค่าใหม่ทุกๆ 3 ปี และ NPAs ทุก ๆ 1 ปี โดยที่ปรึกษาประเมินอิสระที่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานก.ล.ต.

สาเหตุที่บริษัทสามารถประมูลทรัพย์มาได้ราคาต่ำ เพราะมีประสบการณ์อยู่ในธุรกิจนี้ร่วม 20 ปี  มีเครือข่ายมากที่สุด คือสาขาทั่วประเทศ 25 แห่ง และสำนักงานใหญ่  ทรัพย์สินที่ได้มามีความหลากหลายและตั้งอยู่กระจายในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ ถือว่าเป็นฐานข้อมูลอ้างอิงสำคัญในการกำหนดราคาประมูลซื้อได้ค่อนข้างแม่นยำ  สามารถชนะประมูลทรัพย์มาได้ และสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคต

กลยุทธ์การบริหารใช้เวลาในการเก็บหนี้สั้น หมุนเงินสดได้เร็ว  เน้นการเจรจาประนอมหนี้จูงใจให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ ทั้งยืดเวลาในการเรียกเก็บหนี้ และคิดดอกเบี้ยต่ำในปีแรก คือ MLR ลบ 3% เพื่อให้ลูกค้าตั้งหลักได้ เน้นการบริหารมุ่งสู่ความยั่งยืน

ธุรกิจนี้ รายใหม่เข้ามาแข่งขันยาก จะต้องใช้เงินทุนหนามาก บริษัทใช้เวลาในการบริหาร NPLs เพียง 7 ปี มีรายได้คุ้มทุน ส่วน NPAs ใช้เวลา 5 ปี คาดว่าจะทำให้เร็วขึ้นในอนาคต BAM มีการประหยัดต่อขนาดหรือ economies of scale คือ ลงทุน 8 หมื่นล้านบาท ในแต่ละปีมีเงินสดรับเข้ามา 1.5-1.6 หมื่นล้านบาท และเกือบทุกปีจะมีลูกค้ารายใหญ่จบดีลได้  ในปี 2562 ก็มี ในไตรมาสที่ 1 ทำให้รายได้และกำไรเติบโตได้มาก  ธุรกิจของ BAM จะมีโอกาสเติบโตได้ทั้งภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและขยายตัว

BAM เปิดให้ประชาชนทุกคนมาจองซื้อหุ้น  ผ่านธนาคารกสิกรไทย ธนาคารกรุงไทย และธนาคารไทยพาณิชย์ ทุกสาขาทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 25-29 พฤศจิกายนนี้ โดยจ่ายเงินในราคาสูงสุดที่ 17.50 บาทต่อหุ้น จะจัดสรรผ่านกระบวนการสุ่มเลือก (Random) โดยระบบคอมพิวเตอร์ของบริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม  ทางบริษัทฯจะคืนเงินส่วนต่างในกรณีที่ไม่ได้รับการจัดสรรหรือราคาเสนอขายสุดท้ายต่ำกว่าราคาสูงสุดของช่วงราคาเสนอขาย คาดว่าหุ้นจะสามารถเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ได้ในประมาณวันที่ 16 ธ.ค.นี้