ความจริงความคิด : รู้งี้ เมื่อสาย

โดย…สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP

ใกล้ถึงปลายปีอีกแล้ว ปีๆ ผ่านไปเร็วมาก อายุเราก็แก่มากขึ้นไปเร็วด้วยเหมือนกัน คุ้นๆเหมือนเพิ่งเรียนจบเลย ตอนนี้ก็อายุ 60 ปีเกษียณแล้ว

เมื่อเกษียณแล้ว ข้อมูลต่างๆที่เคยได้อ่านได้ฟังมา ที่ผ่านมาแค่อ่านแล้วเข้าใจ แต่ไม่รู้สึกว่าความรู้สึกจริงๆที่เกิดตอนเกษียณจะเป็นอย่างไร

แต่ตอนนี้ทั้งรู้ และ รู้สึกเลยว่าข้อมูลหรือบทความที่คนเกษียณแล้วพยายามบอกเราเตือนเราจริงๆแล้วมันเป็นอย่างนั้นจริงๆ และหากไม่เตรียมตัวรองรับวัยเกษียณให้ดีๆ ความจริงมันน่ากลัวกว่าข้อมูลที่ได้รับเยอะ และที่สำคัญจะหาแนวทางแก้ไขได้ยากมาก

เรามาดูความกังวลใจของคนสูงอายุกันนะว่ากังวลเรื่องอะไร พอดีผมเคยเก็บข้อมูลการวิจัยเรื่องนี้เอาไว้ แต่หาชื่อผู้ทำวิจัยไม่ได้ ต้องขอประทานโทษ ณ ที่นี้ครับ

คนสูงอายุกังวลเรื่อง
1. สุขภาพ 60.9%
2. ฐานะการเงิน 30.2%
3. อนาคตลูกหลาน 28.9%

เรื่อง สุขภาพ

เคยอ่านพบกลอนใจร้ายมากบทนึง ตอนแรกก็แค่อ่านขำ แต่ตอนนี้ไม่ขำแล้ว เพราะที่กลอนพูดคือตัวเราตอนนี้เลย และที่มาพร้อมกับสุขภาพที่ย่ำแย่ ก็คือ การที่ต้องเข้ารับการรักษาพยาบาล ข้อมูลจากภาควิชาเวชศาสตร์ฟื้นฟู คณะแพทย์ศาสตร์ ม.ขอนแก่น เมื่อไม่กี่ปีก่อน บอกว่า

ผู้สูงอายุทุก 1 ใน 4 คน เจ็บป่วยทุพพลภาพ

ผู้สูงอายุทุก 1ใน 5 คนทุพพลภาพระยะยาว (มากกว่า 6 เดือน)

7% พึ่งพาผู้อื่น เมื่อปฏิบัติกิจวัตรส่วนตัว

11.5% พึ่งพาผู้อื่น ยามออกนอกเคหะสถาน

45% พึ่งพาผู้อื่น เมื่อใช้การขนส่งสาธารณะ

28% ของเตียงผู้ป่วย คือผู้สูงอายุ

และที่มาพร้อมกับการเข้าโรงพยาบาล ก็คือ ค่ารักษาพยาบาลที่แสนแพง อย่างเช่น ข้อมูลการคิดราคายาของ รพ. เอกชน 353 แห่งที่กรมการค้าภายใน เปิดเผย เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา

30 % ที่คิดราคาที่เป็นธรรมต่อผู้บริโภค

40 % คิดราคาสูงกว่าราคาเฉลี่ยเล็กน้อย

30 % มีการตั้งราคายาสูงกว่าค่าเฉลี่ย ตั้งแต่ 300-8,000 % ขณะที่โรงพยาบาลบางแห่งบวกเพิ่มถึง 16,000 % ในบัญชียา 150 รายการ ส่วนใหญ่เป็นโรงพยาบาลขนาดกลางและขนาดใหญ่

เรื่อง ฐานะการเงิน

แค่คิดเรื่องค่ารักษาพยาบาลอย่างเดียว ก็กลุ้มใจมากแล้ว เพราะตอนนี้รายได้ก็ไม่มี สวัสดิการที่เคยมีก็ไม่มี เงินเก็บก็ไม่มี จะกู้แบงค์ อายุเกิน 60 แบงค์ก็ไม่ปล่อยกู้ จะทำประกันสุขภาพตอนนี้ถึงบริษัทประกันอยากรับก็รับไม่ได้ เพราะติดที่เรามีปัญหาสุขภาพ ขนาด 40ปีที่ทำงานไปด้วยใช้จ่ายไปด้วยยังรู้สึกอยู่ยาก ตอนนี้ต้องอยู่ต่อไปอีกหลายสิบปี (เคยพบข้อมูลมาว่าเราอาจมีชีวิตอยู่หลังเกษียณถึง 30 – 40 ปี) เราจะอยู่ยังไง เชื่อแล้วกฎของ Murphy ที่ว่า “ในภาวะที่เลวร้ายที่สุด สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นจะเกิดขึ้นเสมอ“ หรือ “If anything can go wrong, it will” เกิดขึ้นจริงๆ ทีตอนมีเงิน มีสวัสดิการดันไม่ป่วย ทีตอนนี้เงินไม่มี สวัสดิการไม่มี ดันป่วย ไม่โทษใคร ไม่ใช่เพราะเราไม่รู้ แต่รู้กลับไม่ทำ สมน้ำหน้าตัวเอง

ประโยคหนึ่งที่เคยบรรยายขำๆให้คนฟังเลือกเอาว่าอยากมีชีวิตวัยเกษียณยังไงระหว่าง “แสนเสียดายที่ตายใช้เงินไม่หมด” หรือ “แสนสลดใช้เงินหมดก่อนตาย” ให้เลือกเอา แทบทุกคนเลือก “แสนเสียดายที่ตายใช้เงินไม่หมด” กันทั้งนั้น แต่เคยคิดมั๊ยว่าจะอยู่แบบนั้นได้ ต้องเตรียมเงินเอาไว้ก่อนเกษียณเท่าไหร่ วิธีง่ายๆ ไปที่เว็บไซด์ของตลาดหลักทรัพย์ตามนี้เลยhttps://www.set.or.th/project/caltools/www/html/retirement.html ลองทำดูนะ ทำเสร็จอย่าอยู่เฉย รีบออมเงินเพื่อเกษียณเลยนะ เริ่มช้าดีกว่า ไม่ได้เริ่ม

Ernst & Young เคยสำรวจคนสูงอายุเมื่อหลายปีก่อน ถามว่า “ถ้าย้อนเวลากลับได้ อยากทำอะไร”

49% กล่าวว่า อยากศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงินและบริการเพื่อวัยเกษียณให้มากกว่านี้

46% อยากทำงบประมาณที่ดีกว่านี้เพื่อความถูกต้องของจำนวนเงินที่ต้องการเงินในยามเกษียณ

46% กล่าวว่า อยากเริ่มวางแผนให้เร็วกว่านี้

31% ต้องการขอคำปรึกษาจากที่ปรึกษาทางการเงิน!

อยากย้อนได้เหมือนกัน แต่ก็ได้แค่คิด “ถ้ารู้ว่าจะเป็นอย่างงี้ ตอนนั้นคงทำไปนานแล้ว”

เรื่อง อนาคตของลูกหลาน

ลูกคือสมบัติที่มีค่ามากที่สุดของคนเป็นพ่อเป็นแม่ ความรักของพ่อแม่เป็นความรักที่บริสุทธิ์และยิ่งใหญ่ เอาง่ายๆขนาดกรมสรรพากรยังยอมให้แค่การโอนที่ดินโดยไม่มีค่าตอบแทนจากพ่อแม่ให้ลูกเท่านั้นถึงจะถือเป็นการให้ เพราะสรรพากรเชื่อว่าความรักของพ่อแม่เท่านั้นที่ยิ่งใหญ่สามารถโอนทรัพย์สินมูลค่าสูงให้ลูกได้โดยไม่มีค่าตอบแทนจริงๆ ส่วนการโอนโดยไม่มีค่าตอบแทนระหว่างใครก็ตามถือเป็นการขายทั้งหมด คนโอนต้องเสียภาษีเงินได้

เมื่อลูกคือสมบัติที่มีค่าของพ่อแม่ ผมเคยถามความรักของพ่อแม่ที่มีต่อลูก จะสิ้นสุดลงเมื่อไร หลายท่านตอบ “สิ้นสุดเมื่อพ่อแม่เสียชีวิต” แต่สำหรับผม ความรักของพ่อแม่ไม่มีเวลาสิ้นสุด นึกถึงคุณพ่อเมื่อท่านอายุเยอะ รายได้ก็น้อย ยอมอด ประหยัดทุกอย่าง เจ็บป่วยก็ไม่ยอมไปหาหมอ แค่เพื่อให้เราได้เรียนหนังสือจนจบ ได้ใส่เสื้อผ้าดีๆ ได้กินอาหารดีๆ ตอนนั้นเราไม่เคยรู้เลยนะว่า “ของฟรีไม่มีในโลก” ท่านให้ของดีๆกับเรา ท่านก็ต้องเสียสละของดีที่ท่านควรกิน เพื่อบำรุงสุขภาพ เสียสละค่ารักษาพยาบาลที่ควรใช้ ฯลฯ ก็เพราะความรักลูก ดังนั้นใครที่ยังมีคุณพ่อคุณแม่อยู่ ดูแลท่านให้มากๆนะ อย่าให้ท่านต้องดูแลเราจนวาระสุดท้ายของท่าน ไม่งั้นเมื่อวันนั้นมาถึง เราอาจ ”รู้งี้ เมื่อสาย” ก็เป็นได้