“ประทีป ตั้งมติธรรม” ขนเงินปันผล ลงทุนหุ้น

HoonSmart.com>>“ ประทีป ตั้งมติธรรม “ บิ๊ก ศุภาลัย เปิดใจ ขนเงินปันผล ลงทุนหุ้นในตลาด ไม่ถึง 10 ตัว ยอมรับ 10 ปีก่อน ผลตอบแทนดีมาก 5 ปีหลังแย่ ส่วนใหญ่ขาดทุน ยันถือลงทุนยาว ลงมาซื้อถัวเฉลี่ย ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์พบลงทุน 12 หุ้น มูลค่า 11,021.50 ล้านบาท ยังไม่รวม SCB-SCC พอร์ตใหญ่อยู่ SPALI ยังเก็บต่อเนื่อง  ราคาต่ำ จากปี 2560-2561 มีทั้งซื้อและขาย แถว 23-24 บาท

นายประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ศุภาลัย (SPALI) เปิดเผย Hoonsmart.com ว่า การลงทุนในหุ้นบริษัทจดทะเบียน (บจ.) ของนายประทีป จำนวนหลายบริษัท ซึ่งไม่น่าจะถึง 10 หลักทรัพย์นั้น เป็นเงินปันผลที่นำมาลงทุน บางหลักทรัพย์ถือจำนวนมาก เพราะราคาตก ก็ซื้อถัวเฉลี่ย ทำให้ลงทุนมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีหุ้นใหญ่บางตัวที่ถือลงทุน ไม่โชว์สัดส่วนการถือหุ้น เช่น บริษัทปูนซิเมนต์ไทย (SCC) หรือ ธนาคาร ไทยพาณิชย์ (SCB)

“ผมลงทุนในหุ้น ไม่ได้เห็นโอกาสอะไร เพียงแต่หุ้นศุภาลัย ที่ผมถือ จ่ายเงินปันผล บีบให้มาลงทุนในหุ้น เงินเหลือผมไม่รู้ทำยังไง ไม่ต้องการนำเงินไปฝากต่างประเทศ หุ้นที่ลงทุนไม่เกิน 10 บริษัท ขาดทุน ผมก็ซื้อถัวเฉลี่ย จนหุ้นมีจำนวนมากขึ้น “

นายประทีป กล่าวว่า การลงทุนส่วนใหญ่ เป็นการลงทุนระยะยาว ไม่ใช่ขาดทุนแล้วขาย เช่นที่ถือหุ้นบริษัทมั่นคงเคหะ (MK) ถือลงทุนก่อนศุภาลัย ปัจจุบันยังถืออยู่

สำหรับผลตอบแทนการลงทุน ช่วง 10 ปี ก่อนหน้านี้ นายประทีป ยอมรับว่า ให้ผลตอบแทนที่ดี แต่ 5 ปีหลังนี้ ไม่ดี หุ้นที่ลงทุนส่วนใหญ่ขาดทุน ก็ถือต่อไป พอคุ้มดอกเบี้ยและดีกว่าการฝากเงิน

“ การลงทุนในบริษัทต่าง ๆ ของผม ไม่มีเจตนาอย่างอื่น หุ้นที่ถือไว้ลงทุนเฉย ๆ ไม่ได้แอคทีฟ หรือขาดทุนแล้วขาย ลงมาก็ซื้อถัว เป็นผู้ถือหุ้นทั่วไป ไม่ได้เป็นกรรมการ ไม่ได้ร่วมประชุมผู้ถือหุ้นด้วย ผลตอบแทนการลงทุน ถ้าคิดราคาหุ้น ก็ขาดทุน บวกลบเงินปันผลแล้ว ก็ขาดทุน “ นายประทีป กล่าว

ข้อมูลจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย พบว่านายประทีป เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัทจดทะเบียน(บจ.)อย่างน้อย 12 บริษัท รวมมูลค่าทั้งสิ้น 11,021.50 ล้านบาท คำนวณจากราคาปิด ณ วันที่ 9 ธ.ค. 2562  โดยไม่รวมหุ้นที่ไม่มีชื่อนายประทีปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ตอนปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้น เช่น SCC,SCB  ส่วนเงินลงทุนส่วนใหญ่อยู่ใน SPALI จำนวน 517.08 ล้านหุ้น คิดเป็น 24.13% ของทุนเรียกชำระแล้ว รวมมูลค่าทั้งสิ้น 8,686.94 ล้านบาทไม่นับรวมการถือหุ้นของภรรยา นาง อัจฉรา ตั้งมติธรรม ถือหุ้นใหญ่อันดับที่สาม จำนวน 112.73 ล้านหุ้น เท่ากับ 5.26 % รวมเป็นเงิน 1,894 ล้านบาท จากราคาปิดหุ้นละ 16.80 บาท และลูกชาย นาย ไตรเตชะ ตั้งมติธรรม

นายประทีปและนางอัจฉราได้รายงานสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.) ถึงการได้มาและจำหน่ายไปหุ้น SPALI หลายรายการในช่วงปี 2560-2561 รวมถึงการขายใบสำคัญแสดงสิทธิอนุพันธ์รุ่นที่ 4 (SPALI-W4) เนื่องจากราคาปรับตัวขึ้นไปมาก เช่น วันที่ 10 พ.ย. 2560 นายประทีปขายหุ้นแม่ SPALI จำนวน 1.65 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ย 24.15 บาท ได้เงินประมาณ 3.98 ล้านบาท และขาย SPALI-W4 จำนวน 1.65 แสนหน่วย ราคาหน่วยละ 19.55 บาท เป็นเงิน 3.22 ล้านบาท วันที่ 15 พ.ย.ขาย SPALI อีก 5 แสนหุ้น ราคา 24.04 บาท เป็นเงิน 12 ล้านบาท และ SPALI-W 4 จำนวน 4.5 แสนหน่วย ราคา 19.53 บาท เป็นเงิน 8.78 ล้านบาท ปี 2561 เริ่มตั้งแต่ต้นปี วันที่ 12 ม.ค. ขายหุ้นแม่ 1.75 แสนหุ้น ราคา 23.56 บาท ได้เงิน 4.12 ล้านบาท และวันที่ 15 ม.ค. ขยอีก 9.41 แสนหุ้น ราคา 23.80 บาทได้เงิน 22.40 ล้านบาท

แต่ในปี 2562 มีแต่ซื้อเข้า ไม่มีรายการขาย หลังจากราคาปรับตัวลงมาอย่างต่อเนื่อง โดยวันที่ 2 ธ.ค.  ซื้อ 1 แสนหุ้น ราคาเฉลี่ย 17.20 บาท วันที่ 4 ธ.ค. ซื้อ 7 หมื่นหุ้น ราคา 17.14 บาท ทำให้มีหุ้นทั้งหมด 521,642,255 หุ้น ทั้งนี้การซื้อขายหุ้นของนายประทีปและนางอัจฉราทำรายการผ่าน บล.เมย์แบงก์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย)

นอกจากนี้นายประทีปได้ซื้อหุ้นบริษัทบ้านปู (BANPU) มานาน จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุด วันที่ 12 ก.ย. 2562 ถือหุ้นใหญ่อันดับที่11 จำนวน 66.04 ล้านหุ้น หรือ 1.28% มูลค่า 759 ล้านบาท และยังเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง บริษัท แพรนด้า จิวเวลรี่ (PDJ)จำนวน 43.59 ล้านหุ้น หรือ 9.67% มูลค่า 70.18 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่นายประทีปเคยลงทุนในปี 2558-2561 ที่ผ่านมา ปรากฎว่า จากการปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นในปี 2562 ไม่พบรายชื่อ  เช่น บริษัท ทาพาโก้ (TAPAC) เมื่อวันที่ 7 มิ.ย. 2561 ได้มาจำนวน 9.21% วันที่ 25 ม.ค. 2562 ขายออก 0.97% เหลือ 4.61% บริษัท การบินไทย(THAI) บริษัท ทรอปิคอลแคนนิ่ง (ประเทศไทย) หรือ TC และ บริษัท ชุมพรอุตสาหกรรมน้ำมันปาล์ม (CPI)