HUMAN… หุ้นไม่ธรรมดา 2 ปี มีหุ้นใหญ่เบอร์ 2 ถึง 3 ราย

HoonSmart.com>>บริษัท ฮิวแมนิก้า (HUMAN) ผู้นำบริการงานด้านทรัพยากรบุคคลและการจัดทำเงินเดือน เป็นหุ้นร้อนแรง ตั้งแต่วันแรกเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 8 ธ.ค. 2560 วันนั้นแจกกำไรถึง 101.25% ให้กับคนจอง IPO ที่ 4 บาท และยังคงแซ่บต่อเนื่อง เพราะสามารถซื้อขายบิ๊กล็อตถึง 2 ครั้งในช่วงเข้ามาเทรด 2 ปี ทำได้ เนื่องจากได้รับความนิยมจากกองทุนไทยและต่างประเทศ ถือเป็นหุ้นพิมพ์นิยมตัวหนึ่ง ใครอยากขายออกล็อตใหญ่ ก็มีคนเข้ามารับซื้อ ได้ราคาพรีเมี่ยมด้วย

ล่าสุด 9 ธ.ค. 2562 มีการซื้อขายบิ๊กล็อตจำนวน 85 ล้านหุ้น ราคาเฉลี่ย 7.70 บาท/หุ้น มูลค่ารวม 655 ล้านบาท สูงกว่าราคาปิดในตลาดที่ 7.55 บาท

“สุนทร เด่นธรรม” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทฮิวแมนิก้า (HUMAN) กล่าวว่า บิ๊กล็อตหุ้น HUMAN จำนวน 12.51% ของทุนเรียกชำระแล้ว เป็นการทำดีลของกองทุนที่ขายกับบริษัทแห่งหนึ่ง ซึ่งจะเข้ามาเป็นพันธมิตรใหม่ และถือหุ้นใหญ่อันดับ 2 คาดว่าจะมีการเปิดตัวในเร็วๆนี้

“พาร์ทเนอร์ใหม่ต้องการที่จะเข้ามาร่วมทำธุรกิจ และร่วมถือหุ้นด้วย จึงได้ติดต่อขอซื้อหุ้นจากกองทุนกว่า 10% และต้องการจะส่งคนมาเป็นกรรมการด้วย 1 คน ส่วนหุ้นของผมยังถืออยู่เท่าเดิม ไม่มีความจำเป็นจะต้องขาย และยังไม่คิดอยากจะขาย ตอนนี้เริ่มเห็นแล้วว่า 3 ปีข้างหน้า บริษัทจะเป็นอย่างไร จาก 2 ปีที่ผ่านมานี้บริษัทไม่ได้เติบโตอย่างที่ควรจะเป็น“สุนทรกล่าว

“สุนทร ” ไม่ขายหุ้น HUMAN ออกมาแน่นอน และยังคงเป็นผู้ถือหุ้นอันดับหนึ่ง ด้วยจำนวน 260 ล้านหุ้น คิดเป็น 38.28% ต่อไป เพราะเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทฮิวแมนิก้าขึ้นมาในปี 2546 หลังจากเป็นหุ้นส่วนและผู้บริหารของ PricewaterhouseCoopers Thailand (PwC) และได้ริเริ่มธุรกิจการรับช่วงบริหารการทำงานของธุรกิจขนาดใหญ่ (Big Scale Businee Process Outsourcing : BPO) จัดการด้านทรัพยากรบุคคลภายในองค์กร แต่เมื่อ PwC ได้ปรับโครงสร้างธุรกิจและยกเลิกธุรกิจ BPO จึงได้แยกตัวออกมาจัดตั้งบริษัทฯ เพื่อให้บริการจัดการด้านทรัพยากรบุคคล นับว่าเป็นการมองที่ถูกต้อง ธุรกิจเติบโตก้าวกระโดด  และขยายฐานลูกค้าจากในประเทศออกไปต่างประเทศได้กว้างมาก

บริษัทเริ่มต้นใช้ซอฟต์แวร์จากต่างประเทศ และปรับปรุงเพื่อให้ใช้งานบริการได้ แต่ไม่เพียงพอ จึงเป็นที่มาของการเริ่มพัฒนาซอฟต์แวร์ของตนเองเมื่อปี 2548  โดยใช้ชื่อว่า Humatrix จัดการทรัพยากรบุคคลที่เหมาะสมกับประเทศไทยมากที่สุด และพัฒนาต่อยอดซอฟท์แวร์รองรับกับลูกค้าต่างประเทศ พร้อมซื้อ บริษัท โปรเฟสชั่นแนล เอ้าท์ซอสซิ่ง โซลูชั่นส์ จำกัด (POS) และบริษัท สำนักงานที่ปรึกษาทางธุรกิจและการบัญชี จำกัด (ABA) เพื่อขยายธุรกิจให้บริการรับช่วงบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลและการจัดทำเงินเดือน

นอกจากนี้ยังจำหน่ายและให้บริการติดตั้งระบบบริหารจัดการทรัพยากรบุคคล (HRS) เพื่อให้องค์กรของลูกค้าใช้งานเอง สามารถจับลูกค้ารายใหญ่ ซึ่งเป็นบริษัทข้ามชาติ และพัฒนาซอฟต์แวร์ ESSpace เป็น HRS ขนาดเล็กลงเพื่อรองรับลูกค้าขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ทำให้ HUMAN เตะตากองทุนไทยและต่างประเทศ ความต้องการจองซื้อหุ้น IPO ล้นทะลัก จนต้องเข้ามาซื้อเก็บในตลาดหลักทรัพย์วันแรก (8 ธ.ค.2560) ส่งราคาพุ่งกว่าเท่าตัว P/E ขึ้นแรงถึง  64.40 เท่า

แต่ผลงานในอดีตไม่ได้สะท้อนภาพในอนาคต กำไรสุทธิดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง จาก 95 ล้านบาทในปี 2560 เพิ่มเป็น 121 ล้านบาทในปี 2561 แต่ประสิทธิภาพกลับลดลง เมื่อพิจารณาจากอัตราผลตอบแทนจากส่วนของผู้ถือหุ้น(ROE) และอัตราผลตอบแทนจากทรัพย์สิน (ROA) ไหลลงมาเหลือ 11-12 %

ทำให้“คนในอยากออก คนนอกอยากเข้า”จึงเป็นที่มาของการขายบิ๊กล็อตเมื่อปี 2561

กรรมการ และผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสอง คือ 1.Hudson Asia Holdings Pte. Ltd ตัดสินใจขายหุ้นรวมกัน 96 ล้านหุ้น สัดส่วน 14.17% ราคาหุ้นละ 11.10 บาท ได้รับเงินทั้งสิ้น 1,069 ล้านบาท โดยมีกองทุนไทยคือ กองทุนเปิดบัวหลวงหุ้นระยะยาวถือ 26.75 ล้านหุ้น 3.93% และ STATE STREET EUROPE เข้ามาซื้อช่วงแรก 13.90 ล้านหุ้น สัดส่วน 2.05% หลังจากนั้น ก็ซื้อเพิ่มขึ้น จนปิดสมุดทะเบียนผู้ถือหุ้นล่าสุด มีจำนวน 74 ล้านหุ้น สัดส่วน 10.89 % คาดว่า STATE STREET EUROPE เป็นกองทุนที่ขายบิ๊กล็อตเกิน 10% ให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง  เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2562 ซึ่งจะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์รายใหม่ และช่วยทำธุรกิจกับ HUMAN ในระยะยาว

บริษัทแห่งหนึ่งที่จะเข้ามาเป็นพาร์ทเนอร์ของ HUMAN ตามคำให้สัมภาษณ์ของ”สุนทร” มีความแตกต่างจาก ผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับสองของบริษัทที่ผ่านมา Hudson Asia Holdings Pte. Ltd ประกอบธุรกิจโดยการลงทุนในบริษัทที่มีศักยภาพในเอเชีย(เวนเจอร์ แคปิตอล) และ STATE STREET EUROPE LIMITED จัดตั้งอยู่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ State Street Corporation (STT) ในสหรัฐอเมริกา และ STATE STREET EUROPE LIMITED เข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมานานมาก ผ่านการลงทุนในบริษัทจดทะเบียนทั้งขนาดใหญ่และขนาดกลาง  เน้นหุ้นที่มีจุดเด่นในเรื่องความแข็งแกร่งและธุรกิจเติบโต แต่ก็จะขายออกเพื่อทำกำไรหากเห็นว่าผลตอบแทนข้างหน้าจะเหลือไม่มากนัก หรือมีโอกาสใหม่ที่ดีกว่า

ดังนั้นการขายหุ้นออกของ STATE STREET EUROPE   น่าจะเป็นผลดีต่อทั้งสองฝ่าย บริษัทฮิวแมนิก้า จะได้มีพันธมิตรเข้ามาช่วยธุรกิจ เพราะฐานะของบริษัทไม่ได้ต้องการเงินทุนมากเหมือนในอดีตแล้ว แต่จะทำอย่างไรให้บริษัทเติบโตอย่างแข็งแกร่งและสามารถแข่งขันกับผู้พัฒนาซอฟท์แวร์ต่างประเทศที่เข้ามาแย่งตลาดในประเทศไทยมากกว่า…