กบข.ผนึกเวิลด์แบงก์ยกระดับลงทุนยั่งยืน ESG หนุนพอร์ตปีนี้ผลตอบแทนเฉียด 5%

HoonSmart.com>>กบข.จับมือธนาคารโลกจัดทำโครงการความร่วมมือทางเทคนิคด้านการบริหารเงินทุนเพื่อความยั่งยืน สำหรับปี 2563 นับเป็นกองทุนบำนาญแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หวังสร้างต้นแบบของกองทุนในไทยและต่างประเทศใช้ ESG เต็มรูปแบบในการบริหารจัดการเงินลงทุน ” วิทัย”ยันกบข.เริ่มใช้ตั้งแต่ปี 2561 ได้ผลตอบแทนที่ดีกว่าภาพรวม คาดปีนี้ได้เกือบ5% วางเป้าหมายในระยะยาวสร้างผลตอบแทนสม่ำเสมอ 3-4% ให้กับสมาชิกกบข.มีเงินออมที่พอเพียงหลังเกษียณ

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการ คณะกรรมการกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และนางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการ ธนาคารโลกประจำประเทศไทย ได้ลงนามข้อตกลงร่วมกันจัดทำโครงการความร่วมมือทางเทคนิคด้านการบริหารเงินทุนเพื่อความยั่งยืน สำหรับปี 2563 โดยมี นายประสงค์ พูนธเนศ ปลัดกระทรวงการคลัง และประธานกบข. เป็นประธานในพิธี ที่กระทรวงการคลัง เมื่อวันที่ 13 ธ.ค.2562

นายวิทัย รัตนากร เลขาธิการ กบข. เปิดเผยว่า กบข. และธนาคารโลกได้บรรลุข้อตกลงร่วมกันจัดทำโครงการความร่วมมือทางเทคนิคด้านการบริหารเงินทุนเพื่อความยั่งยืน สำหรับปี 2563 โครงการนี้ถือเป็นความร่วมมือครั้งแรกที่ธนาคารโลกให้กับกองทุนบำนาญในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อยกระดับกระบวนการลงทุนของ กบข. ที่นำปัจจัยสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) มาผสมผสานด้วยตั้งแต่ปี 2561 ให้มีมาตรฐานทัดเทียมกับกองทุนบำนาญระดับโลก และสอดคล้องแนวปฏิบัติเพื่อการลงทุนอย่างรับผิดชอบของ PRI ซึ่งเป็นองค์กรที่จัดตั้งโดยสหประชาชาติเพื่อจัดทำและส่งเสริมมาตรฐานดังกล่าว และ กบข. ได้ร่วมเป็นสมาชิกในปี 2562

ทั้งนี้ กบข. และธนาคารโลกมีเป้าหมายร่วมกันที่จะให้ กบข.เป็นกรณีศึกษาต้นแบบ (Showcase) ของกองทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่มีการบริหารจัดการเงินลงทุน โดยใช้ปัจจัยด้าน ESG อย่างเต็มรูปแบบ และให้มีความมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับใน 12 เดือนข้างหน้า และผลักดันให้เกิดขึ้นในตลาดทุนไทย

นายวิทัยกล่าวถึงลักษณะความร่วมมือมี 4 เรื่อง คือ 1. การจัดทำแผนกลยุทธ์การลงทุนที่คำนึงถึงปัจจัย ESG 2. นำมาประยุกต์ใช้ในกระบวนการบริหารจัดการลงทุนของ กบข. รวมถึงการพัฒนาระบบคะแนนด้านความยั่งยืน เพื่อใช้ในการประเมินมูลค่าตราสารทุนและตราสารหนี้ในการลงทุน 3. การจัดทำแนวทางนำปัจจัย ESG มาเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายการสรรหาผู้จัดการกองทุนภายนอก และ 4.การจัดทำกรอบการกำกับ ติดตาม และจัดทำรายงานผลการดำเนินกลยุทธ์การลงทุนที่คำนึงถึงปัจจัย ESG มาใช้

“ความร่วมมือกับธนาคารโลกในครั้งนี้ ถือเป็นอีกก้าวที่สำคัญและสอดคล้องกับเป้าหมายเป็นผู้นำและผู้ริเริ่มนวัตกรรมด้านการลงทุนโดยคำนึงปัจจัย ESG ของ กบข.” นายวิทัยกล่าว

ในปีที่ผ่านมา กบข. ได้ริเริ่มหลายแผนงานเพื่อมุ่งสู่เป้าหมายดังกล่าว เช่น จัดตั้ง ESG-focused Portfolio ที่มีการลงทุนเฉพาะหุ้นไทยที่คำนึงปัจจัย ESG และเป็นการนำ THSI Index ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมาใช้เป็นรายแรก นอกจากนี้กบข.ยังริเริ่มโครงการลงนามประกาศเจตนารมณ์แนวปฏิบัติ “การระงับลงทุน”  กับบริษัทจดทะเบียนที่มีประเด็นปัญหา ESG มีนักลงทุนสถาบันร่วมลงนาม 32 ราย มีการปรับกระบวนการลงทุนของ กบข. โดยนำปัจจัยด้าน ESG เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการลงทุนในทุกขั้นตอน และนำมาเป็นหนึ่งในเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกผู้จัดการกองทุนภายนอก เป็นผู้ร่วมก่อตั้งเครือข่ายเพื่อความยั่งยืนแห่งประเทศไทย (TRBN) เป็นต้น

นายวิทัยกล่าวว่า กบข.ได้นำปัจจัย ESG มาใช้ตั้งแต่ปี 2561 มีการลงทุนที่ยั่งยืน ปลอดภัย ทั้งในหุ้นและหุ้นกู้ ซึ่งได้อัตราผลตอบแทนที่ดีกว่าตลาดโดยรวม เช่น ในปี 2562 เม็ดเงินลงทุนของกบข.จำนวน 9.5 แสนล้านบาท ได้ผลตอบแทนเกือบ 5% โดยพอร์ตลงทุนในตราสารหนี้ประมาณ 65% หุ้น 20% ลงทุนทางเลือก 13-14% ส่วนแนวโน้มตลาดหุ้นในปี 2563 จะเห็นความผันผวนชัดเจนมากขึ้นจากทิศทางเศรษฐกิจทั้งระยะกลางและระยะยาว

“กบข.เน้นความสม่ำเสมอในระยะยาว พยายามทำให้ได้ 3-4% ต่อปี เพื่อให้สมาชิกมีเงินออมใช้พอเพียงหลังเกษียณ “นายวิทัยกล่าว

ด้านนางเบอร์กิท ฮานสล์ ผู้จัดการธนาคารโลกประจำประเทศไทย กล่าวว่า ธนาคารโลกมีความยินดีอย่างมากที่จะทำงานร่วมกันกับ กบข. และหน่วยงานกำกับตลาดการเงิน เพื่อช่วยให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคที่สำคัญ สำหรับการปฏิบัติการทางการเงินที่เป็นสีเขียวและความยั่งยืน โดยหวังว่าความร่วมมือในครั้งนี้จะทำให้ กบข.สามารถนำวิธีการทางการเงินเพื่อความยั่งยืนในระดับสากลมาปรับใช้ในกระบวนการลงทุนและจัดหาเครื่องมือเพื่อที่จะนำทางและสร้างความเป็นเลิศในตลาดการเงินภายในประเทศไทยได้