“เอเซียพลัส” ประเมินหุ้นไทยปี 63 ฟื้นตัว จับตาความเสี่ยงการเมืองในประเทศ

HoonSmart.com>> บล.เอเซียพลัส ประเมินหุ้นไทย  เศรษฐกิจ และกำไรบริษัทจดทะเบียนไทย ปี 63 ฟื้นตัวจากฐานปี 62 ที่อยู่ในระดับต่ำ ติดตามความเสี่ยง “การเมืองในประเทศ” ด้านบล.กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์หน้า (30 ธ.ค.62-3 ม.ค.63) ทะลุ 1,590 จุด มีลุ้น 1,600 จุด

บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส เปิดเผยกลยุทธ์การลงทุนปี 2563 เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเติบโต 2.8% มากกว่าปี 2562 แต่ยังเผชิญความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก โดยเฉพาะการส่งออกที่ยังชะชอตัว แม้สงครามการค้าสหรัฐ-จีน จะผ่อนคลายลง แต่อาจเกิดสงครามการค้าคู่อื่น ๆ ตามมา

ส่วนความร้อนแรงทางการเมืองในประเทศ อาจสร้างผลกระทบต่อความมั่นคงและเชื่อมโยงไปสู่ตลาดหุ้นไทย

นอกจากนี้ ยังมีการปรับเปลี่ยนมาตรฐานบัญชีใหม่เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่เปิด Downside Risk ต่อประมาณการทั้งหมดที่กล่าวมา กดดันให้  Fund Flow มีโอกาสชะลอการไหลเข้าตลาดหุ้นไทย

ขณะเดียวกัน ในปี 2563 ยังเป็นปีแรกที่ขาดเม็ดเงินจากกองทุน LTF เข้ามาช่วยหนุน ต่างจากอดีตที่ผ่านๆ มา

ฝ่ายวิจัยฯ ประเมินกําไรสุทธิของบริษัทจดทะเบียน ในตลาดหลักทรัพย์ ( บจ.) อยู่ที่ 1 ล้านล้านบาท คิดเป็น กำไรต่อหุ้น ( EPS ) 95.71 บาท เติบโตร้อยละ (EPSGrowth) 3.9

กลุ่มอุตสาหกรรม ที่คาดว่าเติบโตได้ดีกว่าตลาด ส่วนใหญ่ เกิดจากฐานกำไรสุทธิปี 2562 ที่ต่ำกว่าปกติ เช่น กลุ่มปิโตรเคมี กลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มพลังงาน และกลุ่มวัสดุก่อสร้าง

กําหนดกรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index ปี 2563 แบบอนุรักษ์นิยมไว้ในช่วง 16.5 -17.5 เท่า   EPS’63 ที่ 95.71 บาท/หุ้น

กรอบการเคลื่อนไหวของ SET Index โดยมีบริเวณ 1,579 จุด เป็นกรอบล่าง และมี 1,675 จุด เป็นกรอบบน ซึ่งจะเห็นได้ว่า มี Upside เปิดกว้างที่สุด จากดัชนีปัจจุบัน ราว 6.8 %

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเน้น Selective Buy ในหุ้นพื้นฐานแกร่ง และมีการจ่ายเงินปันผล แนะนำ AP, BGRIM, CPF, LH, PTT, ROBINS

ส่วนหุ้นที่ราคาสูงเกิน Fair Value และมีความเสี่ยงที่จะถูกขายทำกำไรได้แก่ BH และ HANA

การลงทุนต่างประเทศ ความเชื่อว่า จะเห็นการคลี่คลายของสงครามการค้า ผลักดันราคาหุ้นในตลาดขึ้นไปทำ New High แต่สถานการณ์ที่ยังมีโอกาสพลิกผันได้ตลอดเวลา จึงต้องเพิ่มความพิถีพิถันในการเลือกหุ้น เดือนม.ค.63 เลือก Electronic Art Inc และ Shenzhou International Group Holding

ตราสารหนี้ ช่วง 6 เดือนข้างหน้า เชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยจะอยู่ในภาวะทรงตัว ทำให้การลงทุนในตราสารหนี้ยังปลอดภัยเน้นตราสารที่ Duration ไม่เกิน 3 ปี Rating BBB+ ขึ้นไป เช่น BJC233A และ SCC234A

Asset Allocation เพิ่มน้ำหนัก Money Market เป็น 15% โดยลดน้ำหนักหุ้นไทยลง 5% มาอยู่ที่ 35% หุ้นต่างประเทศคงไว้ที่ 10% ส่วนตราสารหนี้ น้ำหนัก 30% ขณะที่ FCN 10% เท่าเดิม

สำหรับกลยุทธ์การลงทุนเดือน ม.ค. 2563 เน้นลงทุนเป็นรายบริษัท ที่มีการเติบโตดี นอกจากปัจจัยเฉพาะตัว ได้แก่   BGRIM, PTT, LH, AP, ROBINS และ CPF

ตรงกันข้ามหุ้น Over Value ที่แนะนําหลีกเลี่ยงลงทุน คือ HANA เนื่องจากประสทธิภาพการทำกำไร ถูกกดดันจากทิศทางขาลงของอุตสาหกรรมชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ และค่าเงินบาทแข็ง และหุ้น BH เนื่องจากปัจจัยขับเคลื่อนการเติบโตใหม่ ๆ ยังไม่มีนัย ทำให้ภาพกำไรปกติยังทรงตัว

ด้านบริษัทหลักทรัพย์กสิกรไทย จำกัด มองแนวโน้มตลาดหุ้นไทยสัปดาห์หน้า (30 ธ.ค. 62- 3 ม.ค. 63) ว่า ดัชนีหุ้นไทยมีแนวรับที่ 1,565 และ 1,555 จุด ขณะที่ แนวต้านอยู่ที่ 1,590 และ 1,600 จุด ตามลำดับ

ปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตาม คงได้แก่ รายงานภาวะเศรษฐกิจไทยเดือนพ.ย. ของธปท. รวมถึงความคืบหน้าประเด็นการลงนามข้อตกลงการค้าเฟสแรกระหว่างสหรัฐฯ-จีน ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่สำคัญ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.

ขณะที่ปัจจัยต่างประเทศที่สำคัญอื่นๆ ได้แก่ ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนธ.ค.ของจีนและยูโรโซน
อ่านข่าว

บล.กสิกรไทยมองหุ้นสัปดาห์หน้าทะลุ 1,590 มีลุ้น 1,600 จุด