GULF ลงทุนโรงไฟฟ้าหินกอง 1,400 MW ซื้อหุ้นบริษัทลูก RATCH 49%

HoonSmart.com>> กัลฟ์ เอ็นเนอร์จีฯ เข้าซื้อหุ้น “หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง” จาก “ราช กรุ๊ป” สัดส่วน 49% ลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ กำลังผลิต 1,400 เมกะวัตต์ COD ปี 2567-2568  ส่วน RATCH เล็งขยายโอกาสความร่วมมือ หนุนเพิ่มมูลค่ากิจการโตบรรลุเป้าหมาย 200,000 ล้านบาทในปี 2566 

บริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ (GULF) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 3 ม.ค.2563 บริษัทฯ ได้เข้าลงทุนในบริษัท หินกองเพาเวอร์โฮลดิ้ง จำกัด (HKH) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ราช กรุ๊ป (RATCH) และเป็นบริษัทที่ถือหุ้นในบริษัทอื่น (โฮลดิ้ง) ได้แก่ บริษัท หินกองเพาเวอร์ จำกัด (HKP) เพื่อพัฒนาและดำเนินการโครงการโรงไฟฟ้าหินกอง ขนาดกำลังการผลิต 1,400 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ตำบลหินกอง อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี

บริษัทฯ ได้เข้าซื้อหุ้นสามัญ HKH จาก RATCH ในสัดส่วน 49% ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น เท่ากับมูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) และได้ชำระค่าหุ้นและรับโอนหุ้นจำนวน 196,000 หุ้น หรือคิดเป็นมูลค่า 1.96 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้วในวันเดียวกัน

การเข้าลงทุนร่วมกับ RATCH ในครั้งนี้ จะตอบสนองต่อนโยบายด้านพลังงานของประเทศ เนื่องจากบริษัทฯและ RATCH มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในธุรกิจผู้ผลิตไฟฟ้าเอกชนรายใหญ่ (IPP) จึงสามารถแลกเปลี่ยนประสบการณ์เพื่อที่จะร่วมพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าหินกองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้นและยังเป็นโอกาสที่ดีที่ทั้งสองบริษัทจะร่วมกันเสริมสร้างความเข้มแข็งให้สังคม ชุมชนและสภาพแวดล้อมรอบโครงการ

นอกจากนี้โครงการหินกองยังช่วยสร้างการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งเป็นไปตามนโยบายในการขยายกำลังการผลิตไฟฟ้าของบริษัทอีกด้วย

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 12 ก.ค.2562 โครงการโรงไฟฟ้าหินกองได้เข้าลงนามสัญญาซื้อขายไฟฟ้ากับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยเป็นระยะเวลา 25 ปี โครงการโรงไฟฟ้าพลังความร้อนที่ใช้ก๊าซธรรมชาติเป็นเชื้อเพลิงหลัก มีขนาดกำลังการผลิตตามสัญญาซื้อขายไฟฟ้า 1,400 เมกะวัตต์ (หน่วยการผลิตละ 700 เมกะวัตต์) ปัจจุบันอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม โดยมีกำหนดเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ในปี 2567 และ 2568 ตามลำดับ

ด้านนายกิจจา ศรีพัฑฒางกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ราช กรุ๊ป  (RATCH) เปิดเผยว่า การจับมือกันของราช กรุ๊ป และ กัลฟ์  จะทำให้โรงไฟฟ้าพลังความร้อนร่วมหินกองสามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมได้ดียิ่งขึ้น เพราะจะช่วยให้ระบบไฟฟ้าในภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศมั่นคงและตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของครัวเรือนและภาคอุตสาหกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น  ตอบสนองนโยบายความมั่นคงด้านพลังงานและการส่งเสริมให้ประเทศเป็นศูนย์กลางด้านพลังงานของอาเซียนด้วย

“บริษัทฯและกัลฟ์ มีทิศทางและเป้าหมายธุรกิจที่สอดคล้องกันจึงมีโอกาสขยายความร่วมมือเป็นพันธมิตรลงทุนโครงการอื่นๆ ในอนาคต ซึ่งจะเสริมหนุนการสร้างมูลค่ากิจการของบริษัทฯ ให้เติบโตบรรลุเป้าหมาย 200,000 ล้านบาทในปี 2566 อีกด้วย” นายกิจจา กล่าว