ฟิลลิปเชียร์ซื้อ NER เป้า 3.36 บาท ปันผล 5% ได้ลูกค้าใหม่

HoonSmart.com>>บล.ฟิลลิปแนะนำซื้อหุ้นบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์  ตอนนี้ราคาถูก P/E แค่ 8 เท่า  แนวโน้มกำไรปี 63 โตต่อเนื่อง 6% เป็น 574 ล้านบาท ได้ลูกค้ายางล้อในจีนย้ายฐานการผลิตมาไทย ส่วนปี 62  คาดกำไร 539 ล้านบาท 

บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) แนะนำซื้อหุ้นบริษัท นอร์ทอีส รับเบอร์ (NER) ราคาพื้นฐานปี 2563 อยู่ที่ 3.36 บาท ราคาในปัจจุบันซื้อขายบน P/E เพียง 8 เท่าไม่แพงมาก หากเทียบกับอัตราเติบโตของการดำเนินงาน และยังให้ผลตอบแทนเงินปันผลราว 5% ต่อปี

ทั้งนี้แม้ทางฝ่ายวิจัยอาจมีความกังวลต่อการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกที่อาจทำให้ขายยากขึ้น จากฐานลูกค้าของบริษัทจะอิงอยู่ในกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์เป็นหลัก แต่การได้ลูกค้าใหม่ จากการย้ายฐานการผลิตของลูกค้ายางล้อในจีนมาไทย เพื่อลดปัญหาภาษีส่งอกของจีน ทำให้ปริมาณการขายในประเทศเพิ่มขึ้นอีกทาง คาดแนวโน้มการดำเนินงานปี 2563 ยังเติบโตได้ต่อเนื่องจากคำสั่งซื้อที่เพิ่มขึ้นทั้งจากลูกค้าเดิม อีกทั้งลูกค้าใหม่จะเริ่มส่งมอบได้ตั้งแต่ต้นปี 2563 เป็นต้นไป ประกอบกับบริษัทมีการขยายกำลังการผลิตรองรับคำสั่งซื้อจากลูกค้าไว้ ทางฝ่ายคาดปริมาณขายปี 2563 จะเพิ่มขึ้น 44% ราคาขายเฉลี่ยคาดว่าลดลง 4% ส่งผลให้ยอดขายอยู่ที่ 17,543 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 41% แต่คาดแนวโน้ม margin อ่อนลงเล็กน้อย จะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นตามยอดขายที่เพิ่มขึ้น รวมถึงดอกเบี้ยจ่ายเพิ่มตามปริมาณขายที่เพิ่มขึ้น คาดกำไรสุทธิ 574 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 6%

ส่วนแนวโน้มไตรมาส 4/62 อาจลดลงจากไตรมาส 3 ตามราคายางที่ลดลง แต่รวมทั้งปี 2562 คาดว่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องจากการขยายกำลังการผลิตยางแผ่นรมควันผสม 60,000 ตันส่งผลให้มีกำลังการผลิตรวมทั้งสิ้น 292,800 ตัน คาดยอดขายเพิ่มขึ้น 27% ที่ 12,809 ล้านบาท ภายใต้สมมติฐานปริมาณขายเพิ่มขึ้น 25% ขณะที่ราคาขายคาดเพิ่ม 5-6% และคาดแนวโน้ม margin อ่อนลงเล็กน้อยจากสัดส่วนการขาย STR เพิ่มขึ้น ประมาณการกำไรสุทธิ 539 ล้านบาทเพิ่มขึ้น 11%

IRSG คาดการณ์ปริมาณการบริโภคยางตลาดโลกในปี 2561 ยังมีอัตราเติบโต 2.8% แต่ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่เกิดขึ้น คาดว่าการบริโภคในปี 2562 และ 2563 จะเติบโตเพียง 2.2% และ 1.8% ตามลำดับ  ส่งผลกระทบกับการขายที่เกี่ยวข้องกับยางล้อจะขยายตัวเหลือเพียง 1.6% และ 1.3% ตามลำดับ ขณะที่กลุ่มที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับยางล้อยังเติบโตได้ 3.1% และ 2.6% ตามลำดับ