KTAM ขายกองตราสารหนี้ 3 เดือนชู 0.90% ต่อปี เสิร์ฟนักลงทุนไม่เสี่ยง

HoonSmart.com>> บลจ.กรุงไทย ประเดิมต้นปีเสิร์ฟกองทุนตราสารหนี้ 3 เดือน ผลตอบแทน 0.90% ต่อปี เอาใจนักลงทุนเน้นความเสี่ยงต่ำ เปิดขายตั้งแต่ 6-10 ม.ค.นี้

นางชวินดา หาญรัตนกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ในระหว่างการเปิดจำหน่าย Roll Over รอบใหม่ คือ กองทุนเปิดกรุงไทยสมาร์ท อินเวส 3 เดือน 1 (KTSIV3M1) รหัสกองทุน คือ K7H ตั้งแต่วันที่ 6-10 มกราคม 2563 อายุโครงการประมาณ 3 เดือน มีระดับความเสี่ยงของกองทุนที่ระดับ 4 คือ ปานกลางค่อนข้างต่ำ เน้นลงทุนในตราสารหนี้ภาครัฐ เงินฝาก/ตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และตราสารหนี้ภาคเอกชนไทย ผลตอบแทนของกองทุนอยู่ที่ประมาณ 0.90% ต่อปี ซึ่งผลตอบแทนที่ได้รับไม่เสียภาษี ยกเว้นนิติบุคคลต่างประเทศที่ไม่ประกอบกิจการในประเทศไทย

สำหรับตราสารที่คาดว่าจะลงทุน คือ ตั๋วแลกเงิน บริษัท ราชธานี ลิสซิ่ง จำกัด (มหาชน) ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.14% ต่อปี หุ้นกู้ระยะสั้น บริษัท หลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.16% ต่อปี ตั๋วแลกเงิน บริษัท บีเอสแอล ลีสซิ่ง จำกัด ในสัดส่วนประมาณ 9% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.16% ต่อปี และพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง พันธบัตรธนาคารแห่งประเทศไทย ในสัดส่วนประมาณ 73% ผลตอบแทนที่คาดว่าจะได้รับ โดยประมาณ 0.74% ต่อปี (ที่มาของข้อมูล: ข้อมูลจากธนาคารพาณิชย์และผู้ค้าตราสารหนี้ วันที่ 3 มกราคม 2563)

อนึ่ง ทรัพย์สินที่ลงทุนหรือสัดส่วนการลงทุนอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้เฉพาะเมื่อมีความจำเป็นและสมควรเพื่อรักษาผลประโยชน์ของผู้ลงทุนเป็นสำคัญ โดยการเปลี่ยนแปลงนั้นต้องไม่ทำให้ความเสี่ยงของทรัพย์สินที่ลงทุนเปลี่ยนแปลงไปอย่างมีนัยสำคัญ โดยบริษัทจัดการอาจพิจารณาลงทุนในตราสารหนี้ เงินฝาก ตลอดจนหลักทรัพย์หรือทรัพย์สินอื่นที่สำนักงานฯ อนุญาตให้ลงทุนได้ภายใต้กรอบการลงทุนของ บลจ. กรุงไทย ทั้งนี้ การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวอาจทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนไม่ได้รับผลตอบแทนตามอัตราที่ประมาณการไว้

สำหรับความเคลื่อนไหวของอัตราผลตอบแทนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาวันที่ 20-27 ธันวาคม 2562 อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้ในประเทศมีการปรับตัวลดลงทุกช่วงอายุตามแรงซื้อของนักลงทุนเพื่อลดความเสี่ยงจากกระแส Risk Off ตามแนวโน้นการชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยและการลดกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของ กนง. เป็น 1%-3% จากเดิม 1%-4% ที่ทำให้ตลาดคาดการณ์เงินเฟ้อในระยะเวลาข้างหน้าที่น้อยลง ท่ามกลางสภาพคล่องในระบบที่ยังทรงตัวอยู่ในระดับสูง โดยในสัปดาห์ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติเป็นยอดขายสุทธิจำนวน 6,621 ล้านบาท

“อัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปีปรับตัวลดลง 3 bps. มาอยู่ที่ 1.18% ต่อปี (ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) อายุคงเหลือ 5 ปีปรับตัวลดลง 8 bps. มาอยู่ที่ 1.25% ต่อปี (เท่ากับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย) และอายุคงเหลือ 10 ปีปรับตัวลดลง 10 bps. มาอยู่ที่ 1.48% ต่อปี สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตามจะเป็นตัวเลขเงินเฟ้อเดือนธันวาคม ความคืบหน้าของมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาล ทิศทางการเคลื่อนย้ายเงินลงทุนระหว่างประเทศ และการเคลื่อไนไหวของตลาดหุ้นและตรลาดตราสารหนี้ต่างประเทศ”บลจ.กรุงไทย ระบุ

ด้านอัตราผลตอบแทนของพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยรวมมีการปรับตัวลดลงโดยเฉพาะในวันทำการสุดท้ายของสัปดาห์ โดยตลาดยังคงขานรับความคืบหน้าในการทำข้อตกลงทางการค้าเฟส 1 ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการเมืองจากการดำเนินการถอดถอนประธานาธิบดีของสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐอเมริกา โดยสรุปอัตราผลตอบแทนของตราสารหนี้อายุคงเหลือ 2 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps. มาอยู่ที่ 1.59% ต่อปี อายุคงเหลือ 5 ปี ปรับตัวลดลง 5 bps. มาอยู่ที่ 1.68% ต่อปี และอายุคงเหลือ 10 ปี ปรับตัวลดลง 4 bps. มาอยู่ที่ 1.88% ต่อปี

สำหรับปัจจัยที่ต้องติดตาม จะเป็นรายงานการประชุม FOMC ความคืบหน้าเกี่ยวกับการลงนามในข้อตกลงการค้าเฟส 1 ระหว่างสหรัฐอเมริกากับจีน การถอดถอนประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ตัวเลขเศรษฐกิจ และการเมืองของสหรัฐอเมริกา