ดาวโจนส์ปิดร่วงแรง 453 จุด วิตกไวรัสโคโรนากระทบเศรษฐกิจโลก

HoonSmart.com>>ดัชนีของตลาดหุ้นสหรัฐ 3 แห่ง ปรับตัวลงมากกว่า 1% นักลงทุนไม่มั่นใจถึงประสิทธิผลของการปิดเมือง เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีน  นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงไปที่ระดับ 1.603% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม  ราคาน้ำมันลงต่อมากกว่า 1 ดอลลาร์

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดวันที่ 27 มกราคม 2563 ที่ 28,535.80 จุด ลดลง 453.93 จุด หรือ 1.57% จากความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาในจีนอย่างรวดเร็ว จนมีผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตเพิ่มขึ้น แม้จะใช้มาตรการสกัดด้วยการปิดเมืองจำนวนมาก การขยายช่วงวันหยุดเทศกาลตรุษจีนออกไปและห้ามชาวจีนเดินทางออกนอกประเทศ

ดัชนี S&P500 ปิดที่ 3,243.72 จุด ลดลง 51.84 จุด,-1.57%

ดัชนี Nasdaq ปิดที่ 9,139.31 จุด ลดลง 175.60 จุด,-1.89%

จีนรายงานสถานการณ์ว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนเกือบ 3,000 ราย จำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 80 ราย ขณะที่ในสหรัฐฯพบผู้ติดเชื้อรายที่ 5

นักลงทุนไม่มั่นใจถึงประสิทธิผลของการปิดเมือง เพื่อสกัดการแพร่ระบาด เพราะจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นในหลายเมือง ขณะที่นาย เหมา เสี่ยวเว่ย นายกเทศมนตรีเมืองอู่ฮั่น ยอมรับว่ามีคนเดินทางออกนอกเมืองก่อนสั่งห้ามเดินทางจำนวน 5 ล้านคน

ตลาดกังวลว่าการแพร่ระบาดไวรัสโคโรนาในจีนจะมีผลต่อเศรษฐกิจจีน ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสองของโลก จากที่คาดว่าเศรษฐกิจในปี 2020 จะขยายตัว 5.7% จาก 6.1% ในปีก่อน เหมือนกับที่เคยชะลอตัวจากการเติบโตเลขสองหลักในช่วงที่เกิดโรคซาร์ส ปี 2002-2003 และมีผลต่อเนื่องต่อเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัวอยู่แล้ว ขึ้นอยู่กับว่าระยะการแพร่ระบาดจะนานและรุนแรงแค่ไหน โดยที่ภาคการเดินทาง บริโภคจะได้รับผลกระทบมากที่สุด อย่างไรก็ตามคาดว่ารัฐบาลจีนจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ

นักลงทุนจับตาว่าบริษัทฯในสหรัฐจะรายงานผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาอย่างไร ขณะที่มีบริษัทใหญ่หลายแห่งได้ระงับการดำเนินธุรกิจในจีน

นักลงทุนหันไปหาสินทรัพย์ปลอดภัยส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีลดลงไปที่ระดับ 1.603% ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนตุลาคม

หุ้นกลุ่มเดินทาง สายการบิน คาสิโนและโรงแรมปรับตัวลงแรง ขณะที่ธุรกิจซึ่งเกี่ยวข้องกับเศรษฐกิจจีนก็ได้รับแรงกดดันเช่นกัน

หุ้นอเมริกันแอร์ไลน์ลดลง 5.54% หุ้นเดลต้าแอร์ไลน์ลดลง 3.37% หุ้นเอสเต้ เลาเดอร์ซึ่งมีรายได้จากจีนในสัดส่วนสูงลดลง 4.7% หุ้นวินน์รีสอร์ต หุ้นเมลโก รีสอร์ต หุ้นลาสเวกัส แซนด์ คอร์ป ซึ่งมีธุรกิจขนาดใหญ่ในจีนต่างลดลง 5%

การลดลงของหุ้นเทคโนโลยี ทั้งแอปเปิล ไมโครซอฟต์คอร์ป อัลฟาเบท อิงค์ และอเมซอนดอทคอม อิงค์ซึ่งมีสัดส่วน 15% ในดัชนี S&P500 ต่างลดลง 1.3%

หุ้นยัม ไชน่า โฮลดิ้งส์ อิ้งค์ ลดลง 4.95% หลังปิดร้าน KFC และ Pizza Hut ในเมืองอู่ฮั่น

ยอดขายบ้านใหม่เดือนธันวาคมลดลง 0.4% จากเดือนก่อนหน้ามาที่ระดบ 694,000 ยูนิต

ตลาดหุ้นยุโรปปิดลบ จากความวิตกต่อการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนาที่กระจายวงมากขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากจีนรายงานสถานการณ์ว่ามีผู้ติดเชื้อจำนวนกว่า 2,800 รายจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้นเป็น 81 รายและอยู่ในภาวะวิกฤติ 461 ราย

หุ้นกลุ่มทรัพยากรพื้นฐานซึ่งมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับจีนลดลง 4%

ในเยอรมนีสาถบัน Ifo เผยดัชนีความเชื่อมั่นภาคธุรกิจเดือนมกราคมลดลงมาที่ 96.3 จาก 95.9 เดือนธันวาคม และต่ำกว่า 97.0 ที่นักวิเคราะห์คาด นอกจากนี้ยังคาดว่าเศรษฐกิจเยอรมนีจะขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปี 2020

ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,412.05 จุด ลดลง 173.93 จุด,-2.29 %

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 414.07 จุด ลดลง 9.57 จุด,-2.26%

ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 5,863.02 จุด ลดลง 161.24 จุด,-2.68%

ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 13,204.77 จุด ลดลง 371.91 จุด,-2.74%

หุ้นกลุ่มเดินทางลดลงแรงโดยหุ้นแอร์ฟรานซ์เคแอลเอ็มลดลง 5.6% ติดฟลอร์ หุ้นอินเตอร์คอนโซลิเดตเต็ดแอร์ไลน์ส์ กรุ๊ป บริษัทแม่ของบริติชแอร์เวย์ลดลง 5.4% หุ้นอีซี่เจ็ตลดลง 5%

ราคาน้ำมันดิบ WTI งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.05 ดอลลาร์ปิดที่ 53.14 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ส่วนราคาน้ำมันดิบ Brent ทะเลเหนือ งวดส่งมอบเดือนมีนาคมลดลง 1.37 ดอลลาร์ปิดที่ 59.32 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล