TOP ปี 62 กำไร 6.28 พันลบ. ลด 38% ปันผล 0.50 บาท XD 27 ก.พ.

HoonSmart.com>> “ไทยออยล์” ปี 62 กำไรสุทธิร่วง 38% เหลือ 6,276 ล้านบาท รายได้จากการขายลดลง 26,863 ล้านบาท เหตุปริมาณขายลดหลังหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ ราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยลดลง แม้กำไรสต๊อกน้ำมันและค่าเงิน ด้านผลงานไตรมาส 4/62 ฟื้นตัวขึ้นจากไตรมาสก่อน หลังกลับมาผลิตเต็มกำลัง บอร์ดอนุมัติปันผลระหว่างกาล 0.50 บาท XD 27 ก.พ.นี้

บริษัท ไทยออยล์ (TOP) เปิดเผยผลการดำเนินงานปี 2562 สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2562 มีกำไรสุทธิ 6,276.68 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 3.08 บาท ลดลง 38.15% จากงวดเดียวกันของปีก่อนกำไรสุทธิ 10,149.04 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 4.97 บาท

ปี 2562 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 362,179 ล้านบาท ลดลง 26,863 ล้านบาท สาเหตุหลักจากปริมาณการขายผลิตภัณฑ์ลดลงจากการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ และราคาขายผลิตภัณฑ์เฉลี่ยปรับลดลงตามราคาน้ำมันดิบ

ทั้งนี้ จากส่วนต่างราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ปรับตัวลดลง อีกทั้งส่วนต่างราคาสารอะโรเมติกส์ ทั้งสารพาราไซลีนและสารเบนซีนกับน้ำมันเบนซิน 95 รวมถึงส่วนต่างราคาน้ำมันหล่อลื่นพื้นฐานกับน้ำามันเตาที่ปรับลดลงจากอุปทานล้นตลาด ทำให้กำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันลดลง 2.2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรลมาอยู่ที่ 4.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล

อย่างไรก็ดีจากระดับราคาน้ำมันดิบที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้มีกำไรจากสต๊อกน้ำมัน 1,581 ล้านบาท ส่งผลให้กลุ่มไทยออยล์มี EBITDA 13,833 ล้านบาท ลดลง 6,406 ล้านบาท ซึ่งรวมค่าใช้จ่ายจากการซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนทั้งสิ้น 1,066 ล้านบาท และกำไรจากอนุพันธ์เพื่อป้องกันควาเสี่ยงสุทธิ 359 ล้านบาท

นอกจากนี้กลุ่มไทยออยล์มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ 1,775 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,148 ล้านบาท จากค่าเงินบาทที่แข็งค่าและมีต้นทุนทางการเงิน 3,307 ล้านบาท ลดลง 635 ล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้ต้นทุนการกู้ยืมบางส่วนเป็นราคาทุนของสินทรัพย์ในขณะที่ปี 2561 มีต้นทุนทางการเงินที่สูงจากการซื้อคืนหุ้นกู้

ด้านค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 384 ล้านบาท จากการรับรู้ประมาณการหนี้สินสำหรับผลประโยชน์พนักงาน ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงานฉบับใหม่ที่กำหนดอัตราค่าชดเชยเพิ่มเติมสำหรับลูกจ้างที่ทำงานติดต่อกันครบ 20 ปีขึ้นไป ให้มีสิทธิได้รับชดเชยไม่น้อยกว่าค่าจ้างอัตราสุดท้าย 400 วัน จากเดิมที่ 300 วัน

สำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 4/2562 เมื่อเทียบไตรมาส 3/2562 กลุ่มไทยออยล์สามารถกลับมาดำเนินการผลิตได้เต็มกำลัง หลังมีการหยุดเดินเครื่องหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 3 (Crude Distillation Unit – 3: CDU-3) และหน่วยการผลิตหลักอื่นๆที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งหน่วยผลิตสารอะโรเมติกส์เพื่อตรวจซ่อมบำรุงครั้งใหญ่ตามวาระ (Major Turnaround) และเชื่อมต่อหน่วยกลั่นใหม่ (Tie-in Activity) ตามแผนงานโครงการพลังงานสะอาด (Clean Fuel Project : CFP) ซึ่งแล้วเสร็จตั้งแต่เดือนก.ค.2562 ส่งผลให้ปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น

นอกจากนี้ทำให้ปริมาณจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน โดยมีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 4.4 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล ลดลง 0.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากส่วนต่างราคาน้ำมันเตาที่ปรับลดลงจากผลกระทบของการเตรียมตัวก่อนที่จะมีการบังคับใช้มาตรการป้องกันมลพิษทางเรือทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization:IMO) ในปี 2563

คณะกรรมการบริษัทฯ มีมติเมื่อวันที่ 14 ก.พ. 2563 อนุมัตินำกำไรสะสมจ่ายเงินปันผลงวดผลดำเนินงานครึ่งปีหลังปี 2562 ในอัตรา 0.50 บาท กำหนดรายชื่อผู้มีสิทธิได้รับปันผล (Record date) วันที่ 28 ก.พ. 2563 ขึ้น XD วันที่ 27 ก.พ. 2563 และจ่ายเงินปันผลในวันที่ 21 เม.ย. 2563